ท่านประธานที่รัก - บทที่513 แผนร้ายของหลิงเยว่
ซังอี๋ถอยหลังหนึ่งก้าวเธอไม่คิดว่ามันจะกะทันหันขนาดนี้เธอกะพริบตา “ไม่…”
ชู่จี้ก้าวไปข้างหน้าเพื่อยืนขวางซังอี๋ สีหน้าของเขาดูบึ้งตึง “เอาแหวนนายคืนกลับไป เธอเป็นคนของฉันแล้ว”เสียงของเขาไม่ได้ดังแต่ก็พอที่จะทำให้ทุกคนตกใจ !
ประธานชู่กำลังพูดถึงอะไร?
ผู้หญิงคนนี้เป็นคนของประธานชู่?
รู้ๆกันอยู่ว่าประธานชู่เป็นคนแบบไหน หล่อ รวย ทุ่มเท รักจริง ทุกคนเห็นตรงกันว่าเป็นผู้ชายที่ดี!
จนกระทั่งตอนนี้…?
หลี่เจี้ยนเฮ่าไม่สนใจชู่จี้และยังคงยืนกราน “เป็นแค่ความจริงใจที่ผมมีให้เท่านั้น คุณเป็นผู้หญิงที่พิเศษที่สุดที่ผมเคยเจอ ผมไม่ได้มีเจตนาอื่นๆเป็นเพียงแค่การแสดงความยินดีระหว่างเพื่อนธรรมดาเท่านั้น”
ชู่จี้กำหมัดแน่นและเขาก็กัดฟันพูดอย่างโมโหร้าย“แสดงความยินดีของเพื่อนธรรมดางั้นเหรอ?”
หลี่เจี้ยนเฮ่าค่อยๆลุกขึ้นจากพื้นด้วยความโกรธตบขี้ฝุ่นที่กางเกงของเขา และพูดยั่วยุ “คุณเต็มใจไหม?”
ชู่จี้คว้าคอเสื้อของหลี่เจี้ยนเฮ่า “อย่าคิดว่าเป็นคุณชายของตระกูลชู่แล้วจะทำอะไรก็ได้ ฉันถือหุ้นบริษัทกลุ่มเฉิงกู่อยู่30%นะ”
ใบหน้าของหลี่เจี้ยนเฮ่าแข็งทื่อและเขาตระหนักว่าคงจะหมดหวังสำหรับซังอี๋และชะตากรรมของครอบครัวของเขาไม่สามารถถูกทำลายได้เพราะตัวเขาเองเขาต้องหายใจ “คุณโหดจริงๆ!”
เขาเก็บแหวน “ล้อเล่นเฉยๆ นี่ไม่ใช่แหวนเป็นแค่ขนมรูปแหวนเท่านั้นเอง ทำไมประหม่ากันอย่างนี้”
ทุกคนถอนหายใจโล่งอก เพื่อพิสูจน์ต่อหน้าทุกคนหลี่เจี้ยนเฮ่าหัก”แหวน” เป็นสองชิ้นต่อหน้าทุกคนมันกลับกลายเป็นขนม ดูไม่ออกเลยจริงๆว่าเป็นแหวนปลอม เขาหยิบใส่ปากครึ่งหนึ่งอีกครึ่งส่งให้ชู่จี้ “ประธานชู่อยากลองชิมไหม”
ชู่จี้แสดงท่าทียิ้มอย่างเย็นชา “ไม่ล่ะ คุณชายหลี่รอรับความโกรธของผมเถอะ
ซังอี๋คว้าแขนเสื้อของชู่จี้ “เป็นแค่การล้อเล่นเท่านั้นไม่จำเป็นต้อง…”เมื่อเธอสัมผัสถึงดวงตาที่เย็นชาของเขาเธอก็หยุดหายใจ “ที่รัก ฉันเป็นของคุณ ใครก็แย่งไปไม่ได้”
เธอบีบมือเขา “อย่าโกรธได้ไหม”
สีหน้าของชู่จี้ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ภรรยาน่ารักเกินไปแล้วและเขาควรปกปิดเธอไว้ไม่ใช่ให้เธอเข้าสู่วงการบันเทิง
ปกติไม่มีใครกล้าเปิดเผยเรื่องนี้เว้นแต่จะรนหาที่ตายทุกคนแสร้งทำเป็นว่าเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจึงเก็บข้าวของตามผู้กำกับไปที่ร้านอาหารเพื่อทานอาหารเย็น
กลุ่มคนเช่าห้องส่วนตัวขนาดใหญ่พร้อมที่จะมีช่วงเวลาดีๆหลังจากที่พวกเขายุ่งและเหนื่อยมาก
สายตาของหลิงเยว่เปล่งประกายและเธอก็เดินตามกลุ่มคนไปด้วยท่าทางที่สง่างาม
ครอบครัวของตระกูลหลิงยังเป็นที่รู้จักของหลายๆคนแม้ว่าจะไม่มีใครริเริ่มทักทายเธอแต่ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรเธอ
“ประธานชู่ ช่วงนี้ว่างนะคะ” หลิงเยว่เอนตัวลงและรินไวน์หนึ่งแก้วให้ชู่จี้ “ดื่มให้กับท่านประธาน”
ชู่จี้สีหน้าเย็นชารับแก้วไวน์แล้วยื่นให้ผู้กำกับ “มาๆ ผมดื่มให้คุณ”
เมื่อถูกปฏิเสธโดยชู่จี้ หลิงเยว่ก็หน้าแตกเธอฝืนยิ้ม “มีแผนงานความร่วมมือไม่รู้ว่าผู้ช่วยอวี้ได้พูดกับคุณหรือยัง? ฉันหมดหนทางจริงๆเลยมาที่นี่เพื่อคุยกับคุณ ”
ชู่จี้เลิกคิ้วและพูดอย่างเย็นชา: “ขอโทษนะ ตระกูลชู่ไม่มีแผนที่จะร่วมมือกับตระกูลหลิงในอนาคต ขอบคุณสำหรับความหวังดี”
หลิงเยว่เหมือนถูกตบหน้า สีหน้าของเธอแปรปวนดูตลก เธอยิ้มมุมปาก “เรื่องนี้ฉันได้คุยกับคุณอาชู่แล้วไม่ใช่ความตั้งใจของฉันฝ่ายเดียว
ที่พูดแบบนี้ก็เพื่อให้ชู่จี้คำนึงถึงความคิดของคุณอาชู่
ดวงตาของชู่จี้เบิกกว้าง เขายิ้มมุมปาก “คุณหลิงคิดมากไปแล้ว คุณกับพ่อของผมตกลงกันแล้วทำไมต้องมาหาผม?”
หลิงเยว่ถูกจ้องมองด้วยดวงตาที่แหลมคมของชู่จี้ฝ่ามือของเธอมีเหงื่อออก เธอยิ้มพร้อมกล่าวว่า: “เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นแค่ความคิดของฉันกับคุณอาชู่แต่ยังได้รับการสนับสนุนจากคุณปู่ด้วย”
เธอเชื่อว่าชู่จี้จะไม่มีวันเมินคุณปู่
ชู่จี้ขมวดคิ้ว “จริงเหรอ?”
เป็นไปไม่ได้ที่ปู่จะไม่รู้ว่าเขาไม่ชอบหลิงเยว่ แล้วทำไมถึงเอาเขาเข้าไปเกี่ยว?
ถึงแม้เขาจะดูสับสน ถ้าก็ยังมีเหตุผล “ถ้าคุณอยากจะคุยก็รอพรุ่งนี้เถอะชู่จี้พูดส่งแขกแบบเรียบๆ คนในห้องไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
สีหน้าหลิงเยว่ดูแย่แต่เธอก็ยังรู้ว่าอะไรสำคัญที่สุดในตอนนี้ “ก็ได้ค่ะ รอฟังข่าวดีจากท่านประธานชู่นะคะ”หลิงเยว่ออกจากห้องไป
หลิงเยว่โทรหาชู่จี้อีกครั้งทางโทรศัพท์หลิงเยว่มั่นใจว่าเขาต้องตกลง”ประธานชู่ คุณต้องตอบตกลงแน่นอนถึงแม้ไม่มีปู่เข้ามาเกี่ยวข้อง”
“หมายความว่ายังไง?”ชู่จี้ดูเหมือนจะมีคำตอบที่ไม่ดีในใจของเขา
“คุณลุงชู่บอกว่าถ้าคุณอยากรู้เรื่องในตอนนั้นก็เชื่อฟังเขาจะดีกว่า”แม้ว่าหลิงเยว่จะอยากรู้เรื่องนี้มากแต่เปิดปากถามไม่ได้ ไหนๆลุงชู่ก็กล้าพูดแบบนี้แล้วต้องเป็นเรื่องที่เขาจัดการได้แน่ๆ
ชู่จี้หรี่ตาลง “คุณพูดว่าเรื่องในตอนนั้นเหรอ?”
อดีตดูเหมือนจะถูกเปิดเผยทีละนิดและมันเจ็บปวดอย่างยิ่ง แม้ว่าชู่จี้จะไม่รู้เรื่องทั้งหมดในตอนนั้นแต่เขายังคงเชื่อมั่นในตัวแม่ของเขา
อื้อ ผมรับปากสี่คำนี้ช่างเจ็บปวดยิ่งนัก
ชู่จี้วางสาย กระแสน้ำที่ถาถมในดวงตาของเขาแทบจะกลืนกินทุกสิ่งรอบๆตัว
จริงๆแล้วชู่เสี้ยวเหวินถือหุ้นจำนวนมากในบริษัทฮวาเจิ้งเอนเตอร์เทนเมนท์นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ชู่จี้ถูกบังคับได้ ไหนๆก็เป็นแบบนี้หลิงเยว่ก็มีความคิดอยากเข้าสู่วงการบันเทิงด้วย พ่อแม่ของเธอมีเพียงลูกสาวคนเดียวเธอเชื่อว่าพ่อแม่ต้องสนับสนุนแน่ๆ ถ้าหน้าที่การงานของเธอเข้าไปเกี่ยวข้องกับบริษัทชู่จี้ ทั้งสองก็จะได้พบปะพูดคุยกันบ่อยขึ้นในอนาคตอยากจะทำอะไรก็จะง่ายขึ้น
ถึงแม้แผนจะไม่สำเร็จแต่เธอยังมีหมากอย่างหลี่เจียซิน เธอแอบวางแผนอยู่ในใจ
ตอนนี้หลิงเยว่ “เปิดทาง”ให้หลี่เจียซินให้เธอทำตามหัวใจของตัวเองและไม่ต้องกังวลอะไรมาก
หลี่เจียซินก็ลังเล เธอรู้ว่าไม่ควรทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองแต่หลิงเยว่พูดถูก คนเราควรเห็นแก่ตัวและมุ่งมั่นเพื่อความสุขด้วยตนเอง
ใช่ เธอแค่ต้องการต่อสู้เท่านั้น ไม่ใช่เพื่อทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสอง หลี่เจียซินตัดสินใจเสี่ยง ถ้าเธอได้ชู่จี้มาจริงๆ เธอจะปฏิบัติต่อซังอี๋อย่างดีและให้ทุกอย่างที่ตัวเองให้ได้กับเธอ