เล่ห์รักประธานเจ้าเสน่ห์ / หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 431 ได้รับรสชาติความสูญเสียทั้งหมด
- Home
- เล่ห์รักประธานเจ้าเสน่ห์ / หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์
- ตอนที่ 431 ได้รับรสชาติความสูญเสียทั้งหมด
ตอนที่ 431 ได้รับรสชาติความสูญเสียทั้งหมด
คาร่าโอดครวญเบาๆ ไม่ได้เอาคำพูดเขาเก็บมาใส่ใจสักนิด เพราะว่าเธอทำแบบนี้ต่อหน้าเขาเท่านั้น ต่อหน้านรชัยก็จะเป็นผู้หญิงที่ว่านอนสอนง่าย
“มีภาพลักษณ์ทำไม? มันกินได้ไหม? แล้วก็ถ้าไม่มีใครมาขอฉันแต่งงานนะ แต่ก็ยังมีนายที่พ่อแม่ฉันตัดสินใจให้เป็นลูกเขยนะ” คาร่าพูดอย่างไม่มีแต่จะใส่ใจ กดรีโมทเปลี่ยนไปดูรายการที่เธอชอบ
แต่เธอก็แค่พูดเท่านั้น ระหว่างพวกเขาไม่มีความรักกันแบบหนุ่มสาว ดังนั้นหลังจากนี้ก็ไม่อาจคบกันได้
ตอนที่ตวัสได้ยินประโยคนั้นที่คาร่าพูด ในใจก็เหมือนมีพลุดอกใหญ่ระเบิด ดีใจจนไม่อยากจะเชื่อ
แม้จะรู้ว่าเธอพูดไปงั้นๆ แต่เขาก็รู้สึกว่าเขายังมีโอกาส
……
คาร่าพักอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ของตวัสอีกสองสามวัน ลาพักร้อนเสร็จก็ไม่ได้ไปไหน กินๆนอนๆอยู่ในคฤหาสน์ของตวัส ใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างมีอิสระ
แต่ตวัสรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาเป็นคนบ้างานที่ทุกวันเข้างานออกงานเป็นเวลาอยู่เสมอ เลิกงานกลับมาที่คฤหาสน์ต้องซื้อของกินให้คาร่าระหว่างทาง ไม่เคยช้า
ไม่รู้ว่าเป็นความประทับใจที่แย่ของคาร่าหรือเปล่า ตวัสทำให้เธอรู้สึกคุ้นชิน ไม่ใช่ความรู้สึกคุ้นชินแบบแต่ก่อน แต่คุ้นกับคนรอบข้างเธอ ทำให้เธอรู้สึกคลุมเครือบ่อยๆ
แต่เธอกลับนึกไม่ออก ตวัสเหมือนใครกันแน่
วันนี้ คาร่ากับตวัสอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่นดูละครทีวีบันเทิงเริงรมย์ที่ฉายอยู่ ดูไปก็วิพากษ์วิจารณ์เสื้อผ้าหน้าผมและการแสดงของพระเอกนางเอก ดูก็รู้ว่าสองคนนี้เป็นมือสมัครเล่น แต่ท่าทางดูสมจริงเหมือนเกิดขึ้นจริงๆ
ขณะนี้ ริงโทนโทรศัพท์มือถือก็พลันดังขึ้น คาร่ากำลังดูฉากที่ตื่นเต้น ไม่ได้มองว่าใครโทรมา ผลักให้ตวัสข้างกาย แล้วพูดว่า “รับโทรศัพท์ เสียงดังเกินไปแล้ว”
ตวัสวางป๊อปคอร์นในมือ ดึงกระดาษชำระมาเช็ดมือ ดึงโทรศัพท์ที่ตกอยู่บนโซฟาออกมา แล้วสะกิดไหล่คาร่า “โทรศัพท์คุณหนิ”
“ใครอ่ะ?” คาร่ามองหน้าจอโทรศัพท์ สายตาก็หันกลับมามองโทรทัศน์ “ฮัลโหล?”
“ประธานคาร่า ตอนนี้ท่านอยู่ที่ไหนคะ? บริษัทเกิดเรื่องแล้ว!” น้ำเสียงที่ดูกังวลและเร่งรีบดังออกมา สรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังหนึ่งรอบ
คาร่าลุกขึ้นจากโซฟา “คุณว่าไงนะ?!”
“โอเค เดี๋ยวฉันไปตอนนี้ รอฉัน!” คาร่าวางสายเสร็จ จากนั้นก็หันตัวไปหากระเป๋าถือกับสลิปเปอร์
“เกิดอะไรขึ้นหรอ?” ตวัสเห็นท่าทางของเธอ ก็รู้สึกได้ลางๆว่ามีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นจึงถามขึ้น
“ที่บริษัทเกิดเรื่องนิดหน่อย ฉันต้องกลับไปดูหน่อย ชิบหาย รองเท้ากับกระเป๋าฉันล่ะ?!” คาร่าหยิบหมอนบนโซฟาออกก็ยังไม่เห็นกระเป๋าถือของตัวเอง ก็กังวัลขึ้นมา
“……” ตวัสหยิบกระเป๋าถือที่มุมโต๊ะยื่นให้เธอเงียบๆ จากนั้นเตะรองเท้าสลิปเปอร์ในห้องมาตรงหน้าเธอ พูดปลอบเธอด้วยเสียงเรียบๆ “อย่ารีบร้อน ผมไปส่งคุณเอง รับรองว่าไม่เกินสิบนาทีถึง”
“โอเค” คาร่ารีบพยักหน้า เก็บของเข้ากระเป๋า ใส่รองเท้าสลิปเปอร์แล้วขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างบน
ตอนลงมาข้างล่างตวัสก็รออยู่ คาร่าวิ่งลงบันได เปลี่ยนรองเท้าแล้วออกจากคฤหาสน์ไปกับเขา
เป็นแบบที่ตวัสพูด ภายในสิบนาทีก็ถึงบริษัทเอวิชั่น รถเพิ่งจอดลง คาร่าก็รีบเปิดประตูลงรถไปพลางพูดว่า “ขอบคุณนะที่มาส่ง แล้วก็ขอบคุณที่ดูแลมาสองสามวันนี้ ถ้ามีเวลาเดี๋ยวพาไปเที่ยว!”
เที่ยว……
ไม่กี่วันมานี้ตวัสรู้สึกทนไม่ได้กับคำศัพท์ที่หลากหลายของคาร่า แต่ก็รู้ว่าเธอกำลังเร่งรีบ พยักหน้าแล้วมองตามคาร่าเข้าไปในตึกบริษัทเอวิชั่น
ตวัสหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาผู้ช่วย ให้เขาตรวจสอบว่าช่วงนี้ธุรกิจของบริษัทเอวิชั่นเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ผู้ช่วยก็ตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว รายงานตวัสทีละอย่าง “ประธานตวัสครับ เร็วๆนี้บริษัทเอวิชั่นมีโปรเจ็คที่กำลังวางแผนและเตรียมการอยู่หนึ่งโปรเจ็ค แต่เมื่อวานนี้บริษัทอะแวร์และบริษัทเอวิชั่นมีแผนการเหมือนกัน เป็นโปรเจ็คที่เหมือนกัน เดิมทีบริษัทอะแวร์ไม่มีคุณสมบัติในการร่วมโปรเจ็คนี้ แต่ตอนนี้บริษัทอะแวร์มีแผนการนี้ซึ่งเป็นโอกาสอันดี ”
ดวงตาตวัสหุบต่ำลง “ผู้รับผิดชอบในการดำเนินแผนการได้ขออนุมัติหรือเปล่า?”
“ยังครับ ที่จริงโปรเจ็คนี้มีความขัดแย้งกันอยู่ บริษัทอะแวร์ไม่ได้รับประโยชน์ฝ่ายเดียว ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดคือการร่วมมือกับบริษัทเอวิชั่น” ผู้ช่วยรายงานต่อ
“บอกผู้รับผิดชอบคนนั้นว่าอย่าเอาโปรเจ็คนี้ส่งให้บริษัทอะแวร์ และอย่างให้บริษัทอะแวร์กับบริษัทเอวิชั่นร่วมมือกัน ถ้าไม่สามารถยกเลิกแผนการของบริษัทอะแวร์ได้ ก็ให้ประนีประนอม ประคองพวกเขาไว้” ตวัสใตร่ตรองเพียงครู่เดียวก็พูดเสียงทุ้มต่ำออกไป
“แต่ว่าประธานตวัสครับ ตอนนี้เงินลงทุนของบริษัทอะแวร์เยอะกว่าบริษัทเอวิชั่นมาก และเงินลงทุนของบริษัทในเครือของเอวิชั่นจู่ๆก็ล้มเหลว……”
ทำไมเรื่องราวได้กลายเป็นหนักขนาดนี้?
ตวัสหรี่ตา กำโทรศัพท์มือถือในมือแน่น เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับบริษัทอะแวร์แน่นอน
“ประธานตวัสครับ เขาว่ากันว่าลูกสาวของบริษัทอะแวร์ได้เข้ามาทำงานเป็นผู้ช่วยล่วงหน้าได้ครึ่งเดือน เป็นไปได้ไหมว่า……”
“โอเค ผมรู้แล้ว ตอนนี้คุณเอาโน้ตบุ๊คบนโต๊ะทำงานมาให้ผมที่บริษัทเอวิชั่นหน่นอย”
“ได้ครับ ประธานตวัส”
——
ระหว่างที่บริษัทเอวิชั่นกำลังดิ่งอยู่ในความวุ่นวาย อันดับแรกคือแผนการโดนขโมย จากนั้นเงินลงทุนของบริษัทในเครือก็มีปัญหา ในพริบตาเดียวทั้งบริษัทเอวิชั่นก็ตกอยู่ในจุดตกต่ำ
คาร่ายืนอยู่ในตึกออฟฟิศ มองดูผู้คนผ่านไปมา รู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง ในหัวรู้สึกสับสน เธอยื่นมือไปจับคนหนึ่งมาถามถึงสถานการณ์ตอนนี้ของบริษัทเอวิชั่น แต่เธอก็ตกใจที่พบว่ามือตัวเองทะลุผ่านร่างกายคนพวกนั้นไป!
คาร่ากลัวที่จะมองมือของตัวเอง รู้สึกว่าสติในสมองจะยิ่งสับสนวุ่นวาย
“คาร่า……” เสียงหวานมีชีวิตชีวิตดังขึ้นมาจากด้านหลังเธอ เธอหันร่างไปมองทันที ก็เห็นว่าร่างของทัตดาเต็มไปด้วยเลือดกำลังเดินมาทางเธอ
“ได้รับรสชาติความสูญเสียทั้งหมด รู้สึกยังไงบ้างล่ะ?” รอยยิ้มบนหน้าทัตดาดูแปลกๆ ทำให้ในใจคาร่าหวั่นวิตกอย่างไร้เหตุผล
บนร่างทัตดาจะมีเลือดได้อย่างไร ทำไมมือเธอถึงทะลุผ่านร่างกายคนพวกนี้? แล้วเธออยู่ที่ไหน?
ยิ่งคิดยิ่งสับสน ทัตดาได้เดินเข้ามาตรงหน้าเธอ ยื่นมือมาจับมือเธอแน่น รอยยิ้มโหดร้ายและดูบิดเบือน “ดูสิ สุดท้ายแกก็ไม่เหลือใคร บริษัทแก ผู้ชายที่แกรัก มันเป็นของฉันทัตดาคนนี้ทั้งหมด!”
“เธอพูดอะไร?” ในหัวคาร่ามึนงง ไม่เข้าใจความหมายของเธอ
“เห็นเลือดบนร่างฉันไหม มันเกิดมาจากแกไง จากแก!” ทัตตดาออกแรงผลักคาร่าออก แล้วหัวเราะเสียงดังออกมา
คาร่าถูกผลักล้มลงพื้น อยากจะลุกขึ้นมาแต่ก็พบว่าขาอ่อนแรงเกินไป
ในหูยังมีเสียงหัวเราะของทัตดาดังก้อง ยิ่งฟังยิ่งน่ากลัว
“ไม่ใช่ฉัน ฉันไม่ได้ทำ!” ภายในห้องเงียบ คนที่นอนอยู่บนเตียงก็พลันตะโกนออกมาเสียง จากนั้นก็ลุกขึ้นมาทันที
คาร่าอ้าปากหอบหายใจหนัก แม้จะผ่านไปแล้วแต่ในใจก็ยังหวาดผวาอยู่กับความฝันเมื่อครู่