รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 579 ต่างคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง
บทที่ 579 ต่างคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง
จนผู้ช่วยเหมันตร์ออกไปชงชาแล้ว คนพวกนี้ถึงจะเริ่มออกเสียงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ในนั้นมีคนถามมายมิ้นท์ขึ้นมาว่า “ประธานมายมิ้นท์ เมื่อกี้ที่คุณเข้ามาพร้อมกับผู้ช่วยเหมันตร์ เห็นเพราะว่าบังเอิญเจอกันพอดี หรือว่าผู้ช่วยเหมันตร์ตั้งใจไปรับคุณมากันครับ?”
มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าพวกเขาจะถามเรื่องนี้ไปทำไม ดังนั้นจึงไม่ได้ปิดบังอะไร แล้วก็ตอบออกไปตรง ๆ ว่า “เขาเป็นคนไปรับฉันมาค่ะ”
แล้วคนพวกนี้ก็เงียบขรึมกันไปอีก สายตาที่มองมาที่เธออีกครั้ง ก็เต็มไปด้วยความเกรงกลัว
ช่วงที่ผ่านมานี้ ในวงการเหมือนกับจะมีข่าวลือว่าประธานเปปเปอร์กำลังตามจีบภรรยาเก่าอยู่ มีความประสงค์ที่จะกลับไปคืนดีกับภรรยาเก่าของเขา
คนอย่างพวกเขาก็เคยได้ยินกันมาก่อน แต่ก็ไม่ได้คิดจะสนใจ และไม่เชื่อด้วยซ้ำ
ในเมื่อก่อนหน้านี้ประธานเปปเปอร์เกลียดภรรยาเก่าตัวเองมากแค่ไหน แล้วก็รักคุณหนูรองของตระกูลภักดีพิศุทธิ์มากแค่ไหน คนในวงการไม่มีใครไม่รู้เรื่องหรอก
ดังนั้นเรื่องไปตามจีบภรรยาเก่านั้น จะเป็นไปได้ยังไงกัน!
ถึงแม้ประธานเปปเปอร์จะให้ภรรยาเก่าของเขาได้ตำแหน่งผู้ร่วมลงทุนพลังงานใหม่ด้วย พวกเขาก็ยังไม่คิดว่าประธานเปปเปอร์จะมีความห่วงใยอะไรพิเศษต่อภรรยาเก่าของเขา เพียงแค่คิดว่าภรรยาเก่าของประธานเปปเปอร์ดวงดีเท่านั้น
แต่ตอนนี้ คนอย่างพวกเขา จะไม่เชื่อก็ไม่ได้แล้ว
ผู้ช่วยเหมันตร์เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของประธานเปปเปอร์ อยู่ภายใต้บริษัทตระกูลนวบดินทร์ที่ใหญ่โตนี้ สามารถพูดได้ว่าเป็นรองแค่ประธานเปปเปอร์เท่านั้น คนที่สามารถสั่งงานผู้ช่วยเหมันตร์ได้ ก็มีแต่ประธานเปปเปอร์คนเดียวเท่านั้น ถ้าเกิดประธานเปปเปอร์ไม่ได้เป็นคนสั่งให้ผู้ช่วยเหมันตร์ไปรับภรรยาเก่าของตัวเอง แล้วผู้ช่วยเหมันตร์จะไปเองได้ยังไงกัน
และที่สำคัญสามารถส่งผู้ช่วยส่วนตัวของตัวเองไป ก็สามารถบอกได้แล้วว่า ประธานเปปเปอร์ให้ความสำคัญกับภรรยาเก่าของเขามากแค่ไหน
ไม่งั้นทำไมประธานเปปเปอร์ถึงไม่ปฏิบัติกับภรรยาเก่าของเขาเหมือนที่ปฏิบัติกับพวกเขา ที่ส่งใครสักคนลงไปต้อนรับก็ได้ล่ะ?
ดูท่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเขาจะดูถูกเด็กสาวคนนี้ไม่ได้แล้ว รวมทั้งเทนเดอร์กรุ๊ปที่อยู่เบื้องหลังเธอด้วย
ไม่งั้นก็จะล่วงเกินตระกูลนวบดินทร์ได้
แถมพวกเขายังน่าจะประจบประแจงเทนเดอร์กรุ๊ปสักหน่อยด้วย ไม่แน่ถ้าเป็นแบบนี้แล้วพอประธานเปปเปอร์ดีใจขึ้นมา ก็อาจจะให้โอกาสร่วมทุนอื่นกับพวกเขาอีกก็ได้นะ?
เหล่าประธานทั้งหลายสบตากับทีหนึ่ง แล้วก็มองความคิดเห็นบางอย่างจากสายตาของอีกฝ่ายได้
มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ และไม่อยากจะรู้ด้วย แล้วก็เปิดโน้ตบุ๊กที่พกติดตัวมาด้วยขึ้นมา จากนั้นก็รอให้เริ่มการประชุมไปเรื่อย ๆ
รอไปครู่หนึ่ง เปปเปอร์ก็ยังไม่มา แต่กลับเป็นผู้ช่วยเหมันตร์ที่ยกน้ำชาเข้ามาหลายแก้ว
ผู้ช่วยเหมันตร์เอาน้ำชาชั้นดีที่ชงเสร็จแล้ว ค่อย ๆ ไปวางลงบนหน้าเหล่าประธานทั้งหลาย แล้วสุดท้ายก็มาถึงตรงหน้ามายมิ้นท์ แล้วเอาชาแดงที่เหลือแก้วหนึ่ง กับเค้กชิ้นหนึ่งมาไว้วางให้เธอ
การกระทำแบบนี้ของผู้ช่วยเหมันตร์ ทำให้ห้องประชุมทั้งห้องเงียบสงบลง
เหล่าประธานทั้งหลายก้มหน้าลงมองชาเขียวที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง แล้วก็จ้องมองไปที่ชาแดงตรงหน้ามายมิ้นท์ที่ไม่เหมือนกับของพวกเขา หางตาก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้นมา
เอ๊ะ ทำไมถึงไม่เหมือนกันล่ะ?
เอาเถอะ ไม่เหมือนกันพวกเขาก็ยอมรับได้ ในเมื่อเด็กผู้หญิงนั้น ยังไงก็ชอบดื่มชาแดงกันมากกว่า
แต่ว่าแล้วเรื่องเค้กนี่มันเรื่องอะไรกันล่ะ?
จะรู้ได้ยังไงว่าทำไมของเธอมี แต่พวกเขากลับไม่มีอะไรเลย?
นี่มันช่างเลือกปฏิบัติจริง ๆ!
อย่างว่าแต่ในใจของเหล่าประธานทั้งหลายนี้จะรู้สึกไม่พอใจเลย แม้แต่ตัวมายมิ้นท์เองยังรู้สึกอึดอัดขึ้นมาบ้างเลย
อย่างกับว่าการดูแลเป็นพิเศษของผู้ช่วยเหมันตร์ จะเป็นการเอาเธอขึ้นไปไว้บนเตาย่างยังไงอย่างงั้น
“ผู้ช่วยเหมันตร์
เพื่อแสดงให้ผู้ช่วยเหมันตร์เก็บกลับไป
เค้กชิ้นนี้ ฉันไม่เอาดีกว่าค่ะ” มายมิ้นท์ผลักเค้กไปตรงหน้าเล็กน้อย
ผู้ช่วยเหมันตร์ไม่มีทางเก็บกลับไปได้แน่นอน
เขาขยับแว่นเล็กน้อย แล้วกวาดตามองไปที่เหล่าประธานทั้งหลายด้วยสายตามืดมน แล้วเปิดปากพูดอธิบายขึ้นว่า “คุณมายมิ้นท์ครับ เค้กชิ้นนี้ประธานเปปเปอร์ตั้งใจเตรียมไว้ให้คุณโดยเฉพาะ คุณอย่าทำลายน้ำใจของประธานเปปเปอร์เลยนะครับ ผมคิดว่าเหล่าประธานทั้งหลายก็คงจะไม่ถือสาความไม่เท่าเทียบเพียงเล็กน้อยนี้หรอกใช่ไหมครับ ในเมื่อข่าวลือในแวดวงก็ได้บอกพวกเขาอย่างชัดเจนไว้แล้ว
ว่าทำไมประธานเปปเปอร์จะต้องมาดูแลคุณมายมิ้นท์เป็นพิเศษด้วย”
“ใช่ ใช่ ใช่”
พอโดนผู้ช่วยเหมันตร์แอบตักเตือนอย่างชัดเจนแบบนี้แล้ว เหล่าประธานพวกนี้ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย แล้วก็พยักหน้าและพูดว่าใช่กันขึ้นมาติด ๆ
มายมิ้นท์ขมวดหัวคิ้วขึ้นมาอย่างรู้สึกสงสัย “ข่าวลือ? ข่าวลืออะไรคะ?”
ผู้ช่วยเหมันตร์หัวเราะอย่างมีความหมายลึกซึ้งขึ้นมาทีหนึ่ง “ถ้าคุณมายมิ้นท์อยากรู้
หลังจากที่จบการประชุมแล้ว คุณสามารถไปสอบถามดูเองได้ครับ เอาล่ะทุกท่าน เดี๋ยวผมไปขอตัวดูทางประธานเปปเปอร์เสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง ถ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ประธานเปปเปอร์ก็จะรีบมาแน่
ทุกท่านโปรดรออีกสักครู่นะครับ”
พูดจบแล้ว ผู้ช่วยเหมันตร์ก็ออกไปเลย
พอเขาออกไปแล้ว ในห้องประชุมก็คึกคักขึ้นมาทันที
มีเหล่าประธานหลายคนถามขึ้นมาอย่างสอดรู้สอดเห็นว่า “ประธานมายมิ้นท์ คุณกับประธานเปปเปอร์กลับมาคืนดีกันแล้วใช่ไหมครับ?”
“ห๋า?” มือที่ยกแก้วชาแดงอยู่ของมายมิ้นท์สั่นไปครู่หนึ่ง จนเกือบจะทำให้ชาแดงกระฉอกออกมา
เธอเองก็ไม่ดื่มแล้ว
แล้วก็วางแก้วชาแดงลง จ้องมองไปที่สายตาที่แปลกใจของคนพวกนั้น เธอก็รีบส่ายหน้าและโบกมือขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ไม่มีเรื่องแบบนั้น ทำไมท่านประธานทั้งหลายถึงได้ถามแบบนี้คะ?”
“เพราะว่าในวงการได้ลือกันให้แซดแล้ว ว่าประธานเปปเปอร์กำลังตามจีบคุณอยู่” ประธานคนนั้นตอบกลับมา
มายมิ้นท์ตกตะลึง “ลือกันให้แซดเหรอคะ?”
“ก็ใช่น่ะซิ แม้แต่พวกเราที่เป็นตาแก่ที่ไม่สนใจเรื่องเม้าท์มอยก็ยังได้ยินมาแล้ว”
ปากของมายมิ้นท์อ้าออกเล็กน้อย เหมือนกับว่าอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้าย ก็ไม่ได้พูดอะไรเลย
ไม่หรอกมั้ง การตามจีบกับการขับไล่ระหว่างเธอกับเปปเปอร์ มันแสดงออกชัดเจนขนาดนี้เลยเหรอ?
ถึงกลับลือกันไปทั่ววงการเลยเหรอ!
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่ ประตูห้องประชุมก็เปิดกว้างขึ้นมา แล้วก็มีเสียงฝีเท้าชัดเจนดังมาสองเสียง
อย่างกับว่ามีกระแสจิตยังไงอย่างงั้น มายมิ้นท์เงยหน้าขึ้นมาทันทีอย่างอัตโนมัติ แล้วก็มองไปทางต้นกำเนิดเสียง และสบเข้ากับสายตาของเปปเปอร์เข้าพอดี
จ้องมองดูดวงตาที่ดำสนิทดูลึกล้ำของเขา แล้วในสมองของมายมิ้นท์ก็นึกถึงคำพูดที่การันต์พูดมาก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่โรงพยาบาล ขึ้นมาทันที
รวมทั้งคำถามของพวกเหล่าประธานถามเธอมาเมื่อกี้ ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นมาทันที แล้วก็รีบเบือนหน้าไปอีกทางทันที หัวใจก็เต้นตูมตามขึ้นมา
ทำยังไงก็สงบลงมาไม่ได้
ต้องโทษการันต์และคนพวกนี้
ไม่มีเรื่องอะไร จะมาถามไปเรื่อยทำไมกัน!
เปปเปอร์จ้องมองข้างแก้มที่แดงระเรื่อของมายมิ้นท์ แล้วดวงตาก็มืดมนลง
นี่เธอกำลังคิดถึงเรื่องอะไรอยู่นะ?
“เปปเปอร์ เอกสารการประชุมครับ” เปปเปอร์ยังไม่ทันได้คิดชัดเจนว่าตอนนี้มายมิ้นท์กำลังคิดอะไรอยู่ ผู้ช่วยเหมันตร์ก็เอาเอกสารเล่มหนึ่งยื่นมาให้เขาแล้ว
ทำยังไงได้ แล้วเปปเปอร์ก็ทำได้แค่นั่งลงเท่านั้น “เริ่มประชุมได้”
การประชุมเริ่มขึ้นมาอย่างเป็นทางการ จนถึงเวลาห้าโมงเย็น ถึงได้มาถึงช่วงปิดการประชุม
เปปเปอร์มองดูนาฬิกาข้อมือเล็กน้อย แล้วก็ปิดโน้ตบุ๊กที่อยู่ตรงหน้าลง เรียวปากก็ขยับพูดขึ้นว่า “การประชุมในวันนี้ขอสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ เวลาก็เย็นพอสมควรแล้ว ขอเชิญทุกท่านเคลื่อนย้ายไปที่โรงแรม ผมขอเลี้ยงข้าวทุกท่านสักมื้อ ยังไงก็ขอให้ทุกท่านช่วยให้เกียรติด้วยนะครับ”
พอได้ยินว่าเขาจะเลี้ยงข้าว ใบหน้าของเหล่าประธานทั้งหลายก็ยิ้มแย้มราวกับดอกไม้บานขึ้นมา
“ได้ครับ ได้ครับประธานเปปเปอร์ พวกเราจะต้องให้เกียรตินี้แน่นอน ต้องไปแน่นอนครับ”
มายมิ้นท์ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
ทุกคนต่างก็มาประชุมกันทั้งนั้น ถ้าเธอปฏิเสธไป ก็คงจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่
เปปเปอร์มองไปที่มายมิ้นท์ทีหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นอีกว่า “งั้นก็ขอเชิญทุกท่านเดินทางกันไปก่อนเลย เหมันตร์ พาท่านประธานทุกท่านไปขึ้นรถซิ”
“ได้ครับประธานเปปเปอร์” ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้าตอบรับไปคำหนึ่ง จากนั้นก็ทำท่าเชิญไปให้พวกเหล่าประธานขึ้นมาอันหนึ่ง
เหล่าประธานทั้งหลายก็ไม่เกรงใจ เดินตามหลังผู้ช่วยเหมันตร์ไป แล้วออกจากห้องประชุมไปเลย
มายมิ้นท์เดินมาเป็นคนหลังสุด ในตอนที่เดินผ่านหน้าเปปเปอร์นั้น เปปเปอร์ก็ดึงข้อมือของเธอไว้ “คุณนั่งรถผมไป”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” มายมิ้นท์ชักมือกลับเล็กน้อย อยากจะชักมือออกมา
แต่ว่าเปปเปอร์จับไว้แน่นมาก “คุณต้องนั่งรถคันเดียวไปกับผมเท่านั้น ไม่งั้นคุณจะต้องไปเบียดกับพวกตาแก่พวกนั้น คุณอยากไปเหรอ?”
“เอ่อ……” มายมิ้นท์หมดคำพูดขึ้นมาทันที เห็นได้ชัดเลยว่าไม่อยากไป
เปปเปอร์ยิ้มจาง ๆ ขึ้นมาทีหนึ่ง “ไปกันเถอะ”
มายมิ้นท์อืมไปคำหนึ่ง แล้วก็ใช้มือเดียวอุ้มสิ่งของของตัวเองไว้ แล้วเดินตามเขาออกไป
ในตอนที่มาถึงหน้าลิฟต์นั้น อยู่ ๆ เปปเปอร์ก็ถามขึ้นมาว่า “ก่อนหน้านี้ทำไมคุณถึงหน้าแดง?”
“ไม่มีอะไรค่ะ” มายมิ้นท์ก้มหัวลง แล้วไม่อยากตอบ
เปปเปอร์หรี่ตาลง “ไม่มีเรื่องอะไรจริง ๆ เหรอ?”
“ไม่มีเรื่องอะไรจริง ๆ ค่ะ คุณอย่าถามอีกเลย ฉันก็ไม่ค่อยสะดวกที่จะพูดเท่าไหร่” มายมิ้นท์ปิดหน้าไว้ด้วยมือข้างเดียว
ถ้าเขาถามขึ้นมาอีก เธอก็จะนึกถึงคำพูดพวกนั้นที่การันต์พูดในตอนนั้นขึ้นมาอีกแน่
พอเห็นว่าหูของมายมิ้นท์แดงขึ้นมาอีก ดวงตาของเปปเปอร์ก็มีประกายมืดมนกะพริบผ่านไป แล้วหายวับไปทันที “ได้ ในเมื่อคุณไม่อยากพูด งั้นผมก็จะไม่ถามอีก บ่ายวันพรุ่งนี้มีเวลาว่างหรือเปล่า?”
“มีค่ะ” มายมิ้นท์พยักหน้าขึ้นมา “คุณถามเรื่องนี้ทำไมคะ?”