เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 6 ตอนที่ 179 เซี่ยต้าจวินอดทนอัปยศแบกรับภารกิจหนัก
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 6 ตอนที่ 179 เซี่ยต้าจวินอดทนอัปยศแบกรับภารกิจหนัก
เซี่ยต้าจวินจำไอ้หนุ่มตรงหน้าคนนี้ได้ เจ้าหมอนี่มิใช่คนเขียนหนังสือสัญญาหย่าแทนเขาและหลิวเฟินในวันนั้นหรือ?
เซี่ยต้าจวินเกือบลงมือต่อยคนแล้ว บีบกำปั้นไว้แน่น
อยากทำให้เฉินชิ่งได้รับการสั่งสอนเสียหน่อย ที่นี่ก็ไม่ใช่หมู่บ้านชีจิ่งเสียด้วย
ยังจะมีกลุ่มคนวิ่งมาช่วยเฉินชิ่งรุมเขาหรือ?
แต่ที่นี่คือเซี่ยนอีจง
อาจารย์ใหญ่ซุนยังนั่งอยู่บนเวที ถ้าเห็นเขาทำร้ายคน จะต้องไม่ช่วยเขาเกลี้ยกล่อมหลิวเฟินแน่นอน
จื่ออวี้บอกว่านี่คือ ‘การอดทนต่อความอัปยศเพื่อภารกิจหนัก’ เขาอดทนข่มอารมณ์สักพัก ถึงจะสามารถทำให้หลิวเฟินและเขากลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งได้
เซี่ยจื่ออวี้เคยอธิบายอย่างจริงจังแก่เขาว่าอะไรคือ ‘การอดทนต่อความอัปยศเพื่อภารกิจหนัก’ เซี่ยต้าจวินคิดว่าตนเองกำลังอดทนต่อความอัปยศเพื่อภารกิจอยู่
เขาถึงขั้นใจกว้างไม่คิดเล็กคิดน้อยกับสองแม่ลูก และทำตามคำพูดของหลานสาว ที่บอกว่าต้องไว้หน้าพวกเธอ
ให้เกียรติพวกเธอ นี่ยังไม่จริงใจพออีกหรือ?
และในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ไม่มีคนซักผ้าทำอาหารให้เขา เมื่อเขากลับบ้านหลังจากทำงานข้างนอกนานสองสามเดือน
หลังจากถอดเสื้อผ้าสกปรกบนตัวออก ค้นหีบคุ้ยตู้ก็ยังหาเสื้อผ้าที่สะอาดไม่เจอสักชุด
อาบน้ำก็ไม่มีคนขัดหลังให้ ไม่ต้องพูดถึงความห่วงใยว่าเขาจะกินอิ่มนอนอุ่นหรือไม่ขณะทำงานนอกบ้าน
แม่เฒ่าเซี่ยสนแค่เรื่องล้วงขอเงิน จางชุ่ยและหวังจินกุ้ยก็เป็นพี่สะใภ้กับน้องสะใภ้
ใครจะโผล่มาห่วงใยเขาได้?
เซี่ยต้าจวินคิดว่าผู้ชายควรมีภรรยาสักคน มีลูกได้หรือไม่ค่อยว่ากัน
ซักผ้าทำอาหารให้เขาได้ ยามค่ำคืนนอนหลับเป็นเพื่อนเขาได้ก็พอแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นคือสินค้าขาดทุนที่หลิวเฟินให้กำเนิดก่อนหน้านี้กลับมีอนาคตสดใส
เซี่ยต้าจวินคือคนรักศักดิ์ศรีมากที่สุดคนหนึ่ง เมื่อก่อนกลัวคนอื่นพูดลับหลังว่าเขาไร้ลูกชายให้ความเคารพครั้งสุดท้าย [1] หากเซี่ยเสี่ยวหลานสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้
ลูกสาวผู้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ชาวบ้านคนไหนจะกล้าเย้ยหยันว่าเขาไร้ลูกชายกัน?
คนที่มีลูกชาย แต่สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ ยังดีสู้ลูกสาวของเขาไม่ได้เลยสักนิด
เขายินดีที่จะยอมรับหลิวเฟินและลูกสาวอีกครั้ง
และตั้งมั่นว่าภายภาคหน้าจะดีต่อสองแม่ลูกสักหน่อย
ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานสอบติดมหาวิทยาลัย ต่อให้เขาต้องทุบหม้อขายเหล็ก [2] ก็ต้องส่งเสียเธอ หลานสาวเรียนได้ ลูกสาวของเขาก็ต้องเรียนได้เหมือนกัน
จื่ออวี้พูดถูก ภรรยาไม่ได้มีไว้ทุบตี หลิวเฟินไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นในหมู่บ้าน เพราะเธอกล้าที่จะหนีไปแล้วหนหนึ่ง…
คำพูดพวกนี้สะท้อนกึกก้องอยู่ในใจ
เซี่ยต้าจวินถึงฝืนกลั้นความพลุ่งพล่านที่จะต่อยคนไว้
“ฉันเป็นพ่อของเสี่ยวหลาน ทำไมฉันจะมาไม่ได้?”
เฉินชิ่งอยากขอความช่วยเหลือจากเหล่าเพื่อนนักเรียนให้พาตัวเซี่ยต้าจวินออกไป ทำไมตอนเสี่ยวหลานอยู่ตระกูลเซี่ยเขากลับไม่ดีต่อเธอบ้าง
เวลานี้ดันมาบอกว่าเป็นบิดาบังเกิดเกล้า! เฉินชิ่งแน่ใจแล้วว่าเซี่ยต้าจวินมาเพื่อก่อความวุ่นวาย
คนตระกูลเซี่ยล้วนเลวร้าย คนที่เรียกตนว่าคือน้องสาวเสี่ยวหลานมาเพื่อให้ร้ายเสี่ยวหลานต่อหน้าเขา
พี่สาวเสี่ยวหลานก็พาคนรักที่เคยชิงไปจากเสี่ยวหลานมาโอ้อวด ย่าแท้ๆ
ของเสี่ยวหลานยิ่งไปกันใหญ่ เฉินวั่งต๋ากลับมาจากการไปย้ายทะเบียนบ้านให้สองแม่ลูกที่หมู่บ้านต้าเหอ
เล่าว่าไม่เคยพบเคยเจอหญิงชราที่เจ้าเล่ห์และมีฝีปากที่ร้ายกาจขนาดนั้นมาก่อนเลย!
“เสี่ยวหลานไม่ได้อนุญาตให้คุณมา คุณจะอยู่ที่นี่ไม่ได้!”
เฉินชิ่งยังไม่ทันดันตัวเซี่ยต้าจวินไป ผู้บริหารโรงเรียนบนแท่นบรรยายทัก ‘เฮ้ยเฮ้ย’ สองครั้ง
“ผู้ปกครองทุกท่าน รีบหาชั้นปีของบุตรหลานตนเอง และนั่งประจำที่
พวกเราจะประชุมกันแล้ว เวลาของทุกคนล้ำค่ามาก
เวลาของเหล่านักเรียนเตรียมสอบล้ำค่ายิ่งกว่า…”
“เฉินชิ่ง เธอรีบพาผู้ปกครองคนนี้นั่งเสีย”
อาจารย์ฉีรับผิดชอบรักษาลำดับของห้อง 3 เมื่อผู้บริหารบอกจะเริ่ม
เธอก็พบว่ายังมีคนยืน
ต่อหน้าธารกำนัล เหล่าผู้ปกครองและอาจารย์ต่างมองอยู่
จะพูดเรื่องในครอบครัวของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ เฉินชิ่งผลักเซี่ยต้าจวินให้ไปนั่งที่แถวหลัง
เขากลัวว่าเซี่ยต้าจวินจะลงทำร้ายคน
จึงแยกเซี่ยต้าจวินและหลิวเฟินให้ไกลจากกันเท่าที่จะไกลได้
เซี่ยต้าจวินนั่งลงก็ส่งเสียงเรียก ‘อาเฟิน’ อันที่จริงหลิวเฟินหวาดกลัวยิ่งนัก แต่เธอจะปล่อยให้เซี่ยต้าจวินดูออกไม่ได้
ในชนบทมีสุนัขท้องถิ่นทั่วทุกหนแห่ง ถ้าไม่ระวังจะโดนมันไล่กัด ดังนั้นต้องห้ามวิ่งหนี
หากหนีย่อมเป็นการบอกสุนัขว่าเรากลัวมัน มันจะยิ่งดุร้ายขึ้น ต้องก้มลงไปเก็บหินมาเพื่อปาใส่มัน
โยนของใส่มัน กระทืบเท้าโห่ร้องทำท่าทางองอาจข่มขู่มัน!
เซี่ยต้าจวินก็เป็นเพียงสุนัขดุร้ายตัวหนึ่งมิใช่หรือ?
ทุกวันนี้หลิวเฟินไม่กล้ากล่าวคำโกหกประเภท ‘นั่นคือพ่อลูก’ ‘เขายังรักลูก’ ต่อเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยซ้ำ หลังออกจากตระกูลเซี่ย
เธอพบว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ต้องการ ‘ความรัก’ ของเซี่ยต้าจวิน ตอนนี้ไม่ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานหรือเธอก็มีชีวิตที่ดีและเบิกบานกว่าเดิมทีเดียว
วันตรุษจีน ทั้งครอบครัวห้อมล้อมปรองดองกัน
สนทนาหัวร่อต่อกระซิกพลางห่อเกี๊ยวกัน รับประทานเกี๊ยวเสร็จก็เก็บกวาดโต๊ะ จากนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานก็นำของปีใหม่ที่โจวเฉิงส่งให้ออกมาวางทีละอย่าง
ภาพแบบนี้ หลิวเฟินที่แต่งงานเข้าตระกูลเซี่ยเป็นยี่สิบปีไม่เคยได้สัมผัสแม้เพียงสักครั้ง
แม่สามีที่มักไม่ให้ความสำคัญกับเธอ ด่าทอเธอ ผิดหวังในตัวเธอ
บรรดาสะใภ้ที่มักคิดเอาเปรียบ ไม่เพียงแต่เอาเปรียบ ยังจะผลักไสเธออีกด้วย
ทั้งยังมีสามีที่หาเงินให้หลานสาวใช้ ปล่อยลูกสาวใกล้ตาย ไม่มีเงินให้ไปโรงพยาบาลแม้แต่หยวนเดียว
รู้จักแค่การโบกกำปั้นทำร้ายคนอื่น
หลิวเฟินจมสู่ห้วงความคิดของตนเอง ตระกูลเซี่ยสำหรับเธอแล้วคือฝันร้ายดีๆ
นี่เอง!!
“อาเฟิน!”
เซี่ยต้าจวินเรียกอีกแล้ว ผู้ปกครองด้านข้างสะกิดแขนหลิวเฟิน
“ผู้ชายด้านหลังคนนั้นกำลังเรียกคุณหรือเปล่า?”
หลิวเฟินยังคงรู้สึกหวาดกลัว ทว่ามีความรังเกียจเสียมากกว่า “อือ กำลังเรียกฉัน เขาเป็นสามีเก่าของฉันน่ะ… ฉันไม่อยากสนใจเขา”
สามีเก่า?
ในปี 84 พวกคำว่าสามีเก่าภรรยาเก่าล้วนเป็นคำศัพท์ที่นำสมัย
แม่ม่ายและพ่อม่ายพบได้บ่อย ส่วนการหย่านั้นน้อยมากที่จะพบเห็น
สามีภรรยาต้องทะเลาะกันขนาดไหนถึงจะหย่ากันเล่า? ใช้ชีวิตร่วมกันต้องมีอุปสรรค
สู้รบปรบมือ เขวี้ยงเก้าอี้คว้ามีดแน่นอน สุดท้ายไม่ใช่ยังคืนดีกันหรือ!
สามีภรรยาตั้งเท่าไรที่เป็นคู่เวรคู่กรรมกันไปทั้งชาติ
อย่างเช่นพวกหลิวเฟินที่แต่งงานในยุค 60 แบบนี้
ความรักอะไรไม่รู้จัก คนเขาแนะนำจัดแจงให้ชายหญิงทั้งสองฝ่ายพบหน้ากัน
ถ้าไม่ได้พิการถึงขั้นขาดแขนขาดขา โดยทั่วไปก็ยินยอมตกลงแต่งงานกันแล้ว
หลังแต่งงานถึงรู้ว่าทั้งสองคนนิสัยใจคอไม่ลงรอยกัน ทว่าหลับนอนด้วยกันแล้ว
แม้แต่ลูกก็ให้กำเนิดแล้ว ไม่เหมาะสมกันก็ไม่มีวิธีอื่นที่จะแก้ไขได้ จำเป็นต้องใช้ชีวิตร่วมกันต่อไป…
หย่า? จะหย่าได้อย่างไร
คนนอกจะพูดอย่างไร ลูกที่บ้านจะมองอย่างไร
บิดามารดาของสองฝ่ายเห็นด้วยหรือไม่?
ปากของพวกวงศาคณาญาติ มีไม่กี่คนที่ต้านทานได้
ผู้ปกครองคนนี้พินิจหลิวเฟินอย่างละเอียด ลักษณะซื่อตรงไร้พิษภัย
คาดว่าโดนฝ่ายชายขอหย่า และช่างน่าสงสารจริงๆ
เซี่ยเสี่ยวหลานใช้ชีวิตกับมารดาที่หย่าร้างแล้ว
ยังสามารถรักษาระดับผลการเรียนได้ดีถึงเพียงนี้ ยิ่งไม่ง่ายเอาเสียเลย
ศึกษาเล่าเรียนด้วยตนเองที่บ้าน? ถ้าไม่หาเงินค่าเล่าเรียนด้วยตัวเองยังมีหนทางอื่นอีกหรือ
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าสนใจเขาเลย ฉันว่าสามีเก่าคุณท่าทางเอาเรื่อง
ประชุมเสร็จฉันจะเรียกผู้ปกครองสองสามคนออกไปเป็นเพื่อนคุณ”
หลิวเฟินประหลาดใจ
เธอนึกว่าเมื่อพูดสถานะหย่าร้างออกไป
ผู้หญิงที่ยังชมเชยเธอด้วยความเป็นมิตรเมื่อสักครู่คงเปลี่ยนท่าที
ใครจะรู้ว่าคนเขายังคงปลอบขวัญเธออยู่ แม้สมองของหลิวเฟินประมวลผลช้า
แต่เธอไม่ได้โง่งม
เช่นนั้นแล้ว การหย่าไม่ได้เรื่องที่น่าขายหน้าอย่างที่เธอจินตนาการใช่หรือไม่?
“ถ้ายังสามารถอยู่ด้วยกันได้ ใครจะหย่ากัน?”
ผู้หญิงด้วยกันทั้งนั้น จะไม่เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของผู้หญิงหรือ
และเพราะว่าหลิวเฟินดูเรียบง่ายซื่อสัตย์ ไม่เหมือนพวกผู้หญิงผัดหน้าทาปากที่มีเล่ห์เหลี่ยมจัด
โดยปกติทั่วไปพอผู้หญิงแบบหลิวเฟินนี้หย่าร้างจะไม่ถูกคนสงสัยในพฤติกรรมของฝ่ายหญิง
เซี่ยต้าจวินเรียกติดกันหลายหนหลิวเฟินก็ไม่ตอบรับ นอกจากหลิวเฟินจะแสร้งไม่ได้ยินแล้ว
ยังสนทนากับคนที่นั่งข้างๆ ด้วย ไม่เห็นเซี่ยต้าจวินอยู่ในสายตาโดยสิ้นเชิง
เมื่อผู้หญิงไม่โดนทุบตีสักหน่อย ก็ไม่ยอมเชื่อฟังแต่โดยดี
เซี่ยต้าจวินเริ่มบีบกำปั้นแน่น
เขากำลังอดทนอัปยศแบกรับภารกิจหนัก!
อาจารย์ใหญ่ซุนกล่าวสุนทรพจน์เป็นอันดับแรก
จากนั้นเป็นการกล่าวของเหล่าวังหัวหน้าระดับชั้น เซี่ยนอีจงได้จัดมอบทุนการศึกษา โดยประเมินจากอันดับคะแนนของการสอบปลายภาคในภาคเรียนที่แล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานเป็นอันดับสองของชั้นปี สิบอันดับแรกได้รางวัลทั้งหมด
สองอันดับแรกคือ ‘ทุนการศึกษารางวัลพิเศษ’ อันดับที่ 3 และ 4 คือรางวัลที่หนึ่ง อันดับที่ 5 ถึง 7 คือรางวัลที่สอง อันดับที่ 8 ถึง 10 คือรางวัลที่สาม จากการจัดสรรจำนวนคนของทุนการศึกษาก็เห็นได้ว่าไม่ถูกต้อง
เดิมที ‘รางวัลพิเศษ’ จะมอบแก่อันดับหนึ่งของชั้นปีเท่านั้น
ส่วนรางวัลอื่นแต่ละรางวัลมอบแก่นักเรียนจำนวนละสามคน
โรงเรียนตั้งใจดูแลเซี่ยเสี่ยวหลานโดยเฉพาะ แบ่งสองอันดับแรกเป็น ‘รางวัลพิเศษ’ ทั้งคู่
‘รางวัลพิเศษ’ มีเงินรางวัลจำนวน 200 หยวน เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ยอมรับเงินอุดหนุนของโรงเรียน
ทว่าเงินรางวัลนี้เธอได้มาโดยอาศัยคะแนนของตนเอง ยังจะไม่ยอมรับได้หรือ?
เหล่าวังประกาศชื่อของเซี่ยเสี่ยวหลาน
ให้ผู้ปกครองของเซี่ยเสี่ยวหลานขึ้นเวทีเพื่อรับรางวัล ทั้งที่ประชุมล้วนเต็มไปด้วยเสียงปรบมือ
หลิวเฟินยืนขึ้น เซี่ยต้าจวินก็อยากยืนขึ้นเหมือนกัน แต่ถูกสะใภ้ใหญ่เฉินที่นั่งอยู่ข้างๆ
ดึงไว้ “คุณนี่นะ ทำไมหนังหน้าหนาขนาดนี้? นั่นคือรางวัลที่คุณควรไปรับหรือ?”
ที่เฉินชิ่งจัดแจงให้เซี่ยต้าจวินอยู่แถวหลังสุดนั้นหาใช่เรื่องบังเอิญไม่
เป็นเพราะมารดาของเขาอยู่แถวหลังสุดนั่นเอง สะใภ้ใหญ่เฉินมาประชุมผู้ปกครองให้เฉินชิ่ง
ตื่นเต้นเสียเมื่อคืนวานมาพักที่บ้านพักในตัวเมือง
ดังนั้นถึงไม่ได้เดินทางพร้อมหลิวเฟิน พอหลิวเฟินเข้าหอประชุม สะใภ้ใหญ่เฉินก็เห็นลูกชายแท้ๆ
คอยติดตามปรนนิบัติดูแล อีกทั้งมีผู้ปกครองมากมายห้อมล้อมหลิวเฟินถามไถ่โน่นนี่
เธอจึงไม่เข้าไปทักทาย
เมื่อครู่เซี่ยต้าจวินเรียก ‘อาเฟิน อาเฟิน’ อย่างกับเรียกขวัญ สะใภ้ใหญ่เฉินอยากฟาดคนเหลือเกิน
ทั้งสองคนก็หย่าขาดกันแล้ว คนเขาไม่ยินดีสุงสิงกับคุณ
ในใจคุณไม่ตระหนักบ้างหรือ?
เซี่ยต้าจวินไม่รู้จักสะใภ้ใหญ่เฉิน แต่สะใภ้ใหญ่เฉินรู้จักเขา
วันที่หย่านั้นเขาโดนคนของหมู่บ้านชีจิ่งกดไว้กับพื้น
ส่วนสะใภ้ใหญ่เฉินมุงดูอยู่รอบนอก เซี่ยต้าจวินกลับบ้านแม่พร้อมหลิวเฟินไม่บ่อยนัก
แน่นอนว่าไม่รู้จักสตรีวัยกลางคนผู้เป็นความภาคภูมิใจอันดับหนึ่งของหมู่บ้านชีจิ่ง…
สมควรแล้วที่เวลานี้เขาจะมีสีหน้าตะลึงงัน
จัดการคว่ำผู้หญิงคนนี้ได้หรือไม่?
ไม่ได้ จื่ออวี้บอกว่าต้องอดทนอัปยศแบกรับภารกิจหนักไว้
พ
เชิงอรรถ
[1]送终 ให้ความเคารพครั้งสุดท้าย หมายถึง
การดูแลบิดามารดารวมถึงญาติผู้ใหญ่ก่อนสิ้นใจ
และหมายถึงการจัดงานศพให้บิดามารดาหรือญาติผู้ใหญ่ก็ได้เช่นกัน
[2]砸锅卖铁 ทุบหม้อขายเหล็ก หมายถึง เสียสละทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนมี