Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 335
ตอนที่ 335 สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายเทพนักรบ
หวงเสี่ยวหลงนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างดูถูกในขณะจ้องมองอ่าวไปเสวีย “ผ่านไปหลายปี ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะยังคงค้างตั้งอยู่ที่เดิมนะ ข้าหล่ะผิดหวังซะจริง”
สีหน้าของอ่าวไปเสวียนั้นก็หน้าเกลียดขึ้นมันทีเมื่อเขาได้ยินคําพูดยั่วยุของหวงเสี่ยวหลง แม้มันจะเป็นเรื่องที่รู้ๆกันอยู่ว่าการที่ผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญศักดิ์สิทธิ์จะเพิ่มความแข็งแกร่งตัวเองหรือทะลวงสู่ขั้นต่อไปนั้นจะเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่สิบปี หรือหลายสิบปีนั้นก็เป็นเพียงเวลาสั้นๆสําหรับผู้ฝึกตนระดับนี้ อย่างไรก็ตาม คําพูด ของหวงเสี่ยวหลงนั้นกลับแทงใจดําอ่าวไปเสวียมากซึ่งมันคมกว่ามีดซะอีก
อ่าวไปเสวียเลยกคํารามอย่างเย็นชาใส่หวงเสี่ยวหลง “ข้ายอมรับว่าตอนนี้เจ้าแข็งแกร่งแต่เจ้าคิดจริงๆหรอ ว่าผู้ฝึกตนระดับผู้เซียนเทียนขั้นที่ 10 ปลายอย่างเจ้าจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ให้กับผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญศักดิ์ สิทธิ์ได้หน่ะ?”ตอนนี้อ่าวไปเสวียนั้นก็มั่นใจว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นยังไม่ทะลวงเข้าสู่ระดับนักบุญศักดิ์สิทธิเลย ดัง นั้น เขาจึงไม่ให้ความสําคัญกับหวงเสี่ยวหลงนักแม้ว่าเขาจะบาดเจ็บเพราะหวงเสี่ยหลงสองครั้งติดกันเลยก็ตาม
ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าจะเป็นครึ่งก้าวนักบุญศักดิ์สิทธิ์ มันก็จะมีแค่ผลลัพธ์เดียว ซึ่ง นั้นก็คือ ตาย!! และยิ่งไปกว่านั้นคือนี่แค่ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 สูงสุดเท่านั้น? เขานั้นไม่มีทางเชื่อหรอกว่า หวงเสี่ยวหลงนั้นจะสามารถทะลาย กฎนี้ที่มีขึ้นมาตั้งแต่โบราณได้หรอก!!
ด้วยเหตุนี้ อ่าวไปเสวียจึงเลิกอดกลั้นและปลดปล่อยพลังทั้งหมดของเขาออกมา ที่บนหัวของเขานั้นมีเหยี่ยวสีขาวบริสุทธิ์ที่มีปีกอันทรงพลังที่ดูเหมือนจะสามารถยืดยาวออกไปได้หลายไมล์และกรงเล็บอันแหลมคมที่ดูราวกับเคลือบไว้ด้วยเงินสีขาว ซึ่งแปลงประกายแหลมคมและอันตรายภายใต้แสงอาทิตย์
นี้คือจิตวิญญาณต่อสู้ของอ่าวไปเสวีย เหยี่ยวหิมะ!!
จากนั้นอ่าวไปเสวียนั้นก็ได้ทําการหลอมรวมร่างในทันทีที่เขาเรียกจิตวิญญาณต่อสู้ของเขาออกมา หลังจากหลอมรวมแล้ว ก็ได้มีชั้นเกราะสีขาวที่เปร่งประกายโผล่ขึ้นมาคลุมตัวเขาตั้งแต่เท้าไปจนถึงหัวแถมดวงตาสีฟ้าของเขานั้นก็ได้เปลี่ยนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ นอกจากนี้เล็บของเขาก็ยาวขึ้นมามากซึ่งดูล้ายกับเกรงล็บอันขม กริบเงินขาวของเหยี่ยวหิมะ
จากนั้นแล้วกลิ่นอายผู้ฝึกตนระดับนักบุญศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นก็ได้พุ่งทะยานขึ้นมาราวกับระเบิดที่ปะทุขึ้น เหล่าคนธรรมดาที่ถูกปกคลุมด้วยกลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นนี้ต่างก็ล้มลงคุกเข่าสวดภาวนาอ้อนวอนอย่างตัวสั่น ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างชัดเจน
และต่อมา อ่าวไปเสวียนั้นก็ได้เรียกแก่นมิตินักบุญศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกมา รูปร่างของมันนั้นแตกต่างจากของจ้าวเฉิน แก่นมิติของจ้าวเฉินนั้นอยู่ในสภาพทะเลเพลิงสีฟ้าแต่ทว่าของอ่าวไปเสวียนั้นมีสีขาวบริสุทธิ์ และภายในนั้นก็มีเกล็ดหิมะที่แวววาวร่วงหล่นอยู่ภายใน
ในตอนนี้ ฟานอวหมิงและคนที่เหลือนั้นก็ได้ล่าถอยไปหลบในที่ปลอดภัยแล้ว แต่ทว่าสายฟ้าของพวกเขานั้นก็ได้ปรากฏความเกรงกรัวแล้วจ้องมองอ่าวไปเสวียด้วยความเคารพนอบน้อมอย่างสุดซึ้ง นี่แหละคือความทรงพลังของผู้เชี่ยวนักบุกญศักดิ์สิทธิ!!!
ในตอนที่อ่าวไปเสวียเรียกจิตวิญญาณต่อสู้ของเขาออกมา ทําการหลอมรวมและอัญเชิญแก่นมิตินักบุญศักดิ์สิทธิ์ออกมา หวงเสี่ยวหลงนั้นกลับไม่ได้อยู่เฉยๆซึ่งเขานั้นก็ได้ทําการเปลี่ยนร่างเป็นร่างเทพอสูร นอกจากนี้เขาก็ได้อัญเชิญจิตวิญญาณต่อสู้ของเขา มังกรดําและมังกรฟ้าออกมาซึ่งปรากฏเหนือหัวของเขาแล้วทําการหลอมรวมมังกรทั้งสองตนพร้อมๆกัน ซึ่งนั่นทําให้ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนี้ต่างจ้องมองด้วยความตกตะลึง
และทันใดนั้นกลิ่นอายอันทรงพลังของมักกรโบราณนั้นก็ได้ผุดขึ้นมาจากร่างของหวงเสี่ยวหลง และไหลทะลักออกไปรอบข้างแถมกลิ่นอายนี้ก็ได้สกดข่มกลิ่นอายของนักบุญศักดิ์สิทธิ์ของอ่าวไปเสวียไว้ด้วย
“หมัดสุริยะร่วงหล่น(Falling Sun Almighty Fist)!!”อ่าวไปเสวียนั้นก็ได้ทําการโจมตีอย่างฉับพลันใส่หวงเสี่ยวหลงอย่างเต็มกําลัง ซึ่งมันทําให้มิติรอบข้างต่างแตกสลายเมื่อเขาเหวี่ยงหมัด
พลังงานอันรุนแรงก็ได้กระจายออกไปเป็นวงกว้าง เพราะหมัดของอ่าวไปเสียและนั่นก็ทําให้บังเกิดพายุหมุนทรงกลมสองลูกขึ้น และใจกลางพายุหมนนั้นก็มีกลุ่มเพลิงลอยอยู่อย่างสุกสกาว
พายุเพลิงสองลูกนี้ดูราวกับดวงอาทิตย์ที่ร่วงหล่นและเปล่งแสงสุดท้ายในช่วงสิ้นสุดวัน ส่วนพลังงานอันน่าหวาดหวั่นที่หมุนวนอยู่ภายในนั้นก็เปรียบได้กับตัวดวงอาทิตย์นั่นเอง
หมัดสุริยะร่วงหล่น(Falling Sun Almighty Fist)นั้นคือเคล็ดวิชารับที่เป็นของนิกายเทพนักรบ ตามข่าวลือได้กล่าวว่ามันเป็นเคล็ดวิชาต่อสู้ที่มีต้นกําเนิดมาจากโลกเทวะ
อย่างไรก็ตาม หวงเสี่ยวหลงนั้นก็ได้ทําการโจมตีออกไปซึ่งๆหน้าโดยไม่ได้ล่าถอยแม้ว่าจะได้เห็นฉากนี้ก็ตาม แถมยังชกหมัดทั้งสองข้างออกไปพร้อมกันด้วย ซึ่งหมัดทั้งสองนั้นก็ได้ควบรวมกันเป็นหมัดมหึมาที่พุ่งออกไป ซึ่งมันดูลึกลับลึกซึ้งและดูราวกับไร้รูปร่าง
หมัดเทวะแห่งความว่างเปล่า!!
บู๊มมมม!! เมื่อหมัดเทวะแห่งความว่างเปล่าและหมัดสุริยะร่วงหล่นได้พุ่งเข้าหากัน มันก็ได้เสียงการปะทะอันดุเดือดขึ้น ซึ่งมันส่งผลให้เกิดคลื่นแรงปะทะอันร้ายแรงกระจายออกไปทุกทิศทาง และพลังงานทําลายล้างนี้ก็ได้ทําให้ร้านและอาคารมากมายที่อยู่รอบข้างกลายเป็นเศษซากไปหมดแถมทางเท้าของถนนนั้นก็ได้ถูกซัดออกไปจนกลายเป็นฝุ่นเพราะแรงปะทะนี้ด้วย ส่วนโรงเตี้ยมเลิศรสนั้นได้กลายเป็นเศษซากตั้งแต่การต่อสู้ตอนแรกของพวกเขาแล้ว ซึ่งเรียกได้ว่าโรงเตี้ยมนี้ได้หายไปเลย
ฟานอวหมิง หวูเฟิงและคนอื่นๆนั้นก็เฝ้ามองอย่างหวาดกลัวในขณะที่คลื่นแรงปะทะอันน่าหวาดหวั่นนี้ได้ไหลทะลักมายังทิศทางของพวกเขา ส่วนนิกายเทพวายุบางคนที่เคลื่อนตัวช้านั้นได้โดนแรงปะทะนี่พุ่งเข้าใส่จนกระเด็นลอยออกไปไกลแล้วร่วงหล่นลงพื้น เรียกได้ว่าไม่รอดแล้ว
เมื่อเห็นจุดจบของผู้อาวุโสนิกายเทพวายุที่เกิดจากการโดนคลื่นแรงปะทะ สีหน้าอันซีดเซียวของฟานอวี่หมิงนั้นก็ยิ่งซีดกว่าเดิมจนแทบจะไม่มีเลือดเลย โชคดีสําหรับเขาที่พลังงานของแรงปะทะนั้นได้สลายไปก่อนจะ มาถึงตัวเขาซึ่งทําให้เขารอดตายไปได้
ส่วนอีกด้าน ลูไคนนั้นก็ซีดเผือดเมื่อเห็นคลื่นแรงปะทะที่ไหลทะลักออกมาไม่หยุด อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขากําลังจะโดนคลื่นแรงปะทะซัดใส่จนกระเด็น หมัดของผียักษ์เฟิงหยางนั้นก็ได้ฟาดออกมาทําให้พลังงานที่จะเข้ามาหาเขาสลายไป
เมื่อเห็นฉากนี้ ลูไคที่เหงื่อแตกพลั่กเพราะหวาดกลัวนั้นก็ได้ตกตะลึงจนค้างไปในขณะมองผียักษ์เฟิงหยาง
บนอากาศ ร่างกายของอ่าวไปเสวียและหวงเสี่ยวหลงนั้นก็สั่นสะท้ายและล่าถอยกันไปคนละเก้าอย่างพร้อมเพรียง แต่ทันใดนั้นร่างของหวงเสี่ยวหลงก็ได้หายไปในทันทีที่เขาล่าถอย และเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีก เขานั้นก็ได้เข้ามาอยู่ในระยะวงแขนของอ่าวไปเสวียในขณะที่ปกคลุมร่างกายด้วยพลังพุทธะ จากนั้นในทันทีอ่าวไปเสวียก็โดนซัดอย่างเต็มกําลังด้วยฝ่ามือพุทธปฐพี
ทางอ่าวไปเสวียนั้นก็ตกตะลึงมากๆกับฉากนี้
“ค่ําคืนแห่งสุริยันร่วงหล่น (Night of The Fallen Sun)!!”เขานั้นก็เร่งรีบโจมตีตอบอย่างตื่นตระหนก และเมื่อหมัดทั้งสองที่เขาปล่อยออกมาปรากฏขึ้น ทันใดนั้นรอบข้างก็ได้มีดลองอย่างฉับพลัน แต่ทว่าอ่าวไปเสวียนั้นกลับใช้โอกาสนี้หลบซ่อนตัวเองไว้ในความมืดด้วย
นี่ก็คือหนึ่งในกระบวนท่าของหมัดสุริยะร่วงหล่น(Falling Sun Almighty Fist)ที่ใช้สําหรับป้องกัน และมันก็เป็นหนึ่งในกระบวนท่าที่ฝึกให้เชี่ยวชาญได้ยากที่สุด เพื่อจะเชี่ยวชาญมัน ผู้ฝึกจะต้องเข้าใจถึงการเชื่อมต่อและการหลอมรวมของกลางวันและกลางคืน ถึงจะสามารถฝึกถึงขั้นสําเร็จได้
ถ้าหากสามารถฝึกฝนกระบวนท่านี้จนสมบูรณ์แบบ เมื่อใช้งาน มันก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงพื้นที่วงกว้างที่อยู่ในช่วงกลางวันให้กลายเป็นกลางคืนได้ในทันที แน่นอนว่าเคล็ดวิชาต่อสู่นี้ มีเพียงผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญศักดิ์สิทธิ์ที่มีความเข้าใจในกฎมิติเท่านั้นถึงสามารถฝึกฝนและใช้ได้
ด้วยการที่อ่าวไปเสวียนั้นซ่อนตัวในความมืด ฝ่ามือพุทธปฐพีของหวงเสี่ยวหลงจึงพลาดเป้าไปแต่หวงเสี่ยวหลงนั้นก็แค่พ่นลมหายใจออกมาอย่างดูถูก ต่อมาเนตรนรกนั้นก็ได้เบิกกว้างขึ้นมาบนหน้าผากของเขา และจากนั้นในแทบจะทันทีมันก็ได้ล็อคเป้าที่เงาของอ่าวไปเสวีย ก่อนที่ดัชนีหนึ่งจะลอยออกไปเข้าทําลายความมืดมิด ที่เกิดจากวิชาค่ําคืนแห่งสุริยันร่วงหล่น(Night of The Fallen Sun)แล้วค่อยพุ่งเสียบร่างของอ่าวไปเสวียไป
อ่าวไปเสวียนั้นก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวดในขณะหล่นลงมาจากความมืดที่ซ่อนตัวเขาไว้ และใบหน้าของเขา ในตอนนี้ก็บิดเบี้ยวมากๆ
“เจ้า เห็นข้างั้นหรอ!?”จากนั้นเขาก็จ้องมองหวงเสี่ยวหลงโดยไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้ เขานั้นมั่นใจในค่ําคืน แห่งสุริยันร่วงหล่น(Night of The Fallen Sun)ที่เขาใช้ออกมา ปกติแล้ว แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับนักบุญศักดิ์สิทธิ์ ขั้นที่ 2ก็ยังไม่สามารถหาตําแหน่งของเขาพบเมื่อเขาซ่อนในความมืด เมื่อกี้หากว่าไม่ใช่เพราะแก่นมิตินัก บุญศักดิ์สิทธิ์ของเขามาเป็นบาเรียคอยคุ้มครองและดูดซับพลังครึ่งนึ่งของการโจมตีของหวงเสี่ยวหลงไว้หล่ะก็ดัชนีที่หวงเสี่ยวหลงปล่อยออกมาเมื่อครู่ก็อาจจะแทงทะลุหัวใจของเขาจนทําให้เขาสิ้นใจไป
หวงเสี่ยวหลงนั้นก็ยังคงนิ่งเงียบอย่างไม่แยแส แล้วจากนั้นบนฝ่ามือทั้งสองของเขาก็ได้มีแสงกระพริบขึ้น ซึ่งเผยให้เห็นดาบคู่เทพอสูร
จากนั้นเขาก็ได้ใช้ดาบเทพอสูรฟันออกไปเป็นลําแสงดาบอันหลากสี ซึ่งมันก็ได้กลายเป็นโซ่นับไม่ถ้วนที่เข้าล้อมรอบตัวอ่าวไปเสวียอย่างฉับพลัน อ่าวไปเสียที่ไม่สามารถหลบหนีและไม่มีที่จะถอนหนีได้นั้นก็กู่คํารามออกมา “เพลิงเหมันต์ร่วงหล่น(Scorn of the Faling Snow)!!”
เปลวเพลิงสีขาวก็ได้ปะทุขึ้นมาพร้อมกับที่เกล็ดหิมะเพลิงหล่นลงมาจากบนฟ้า ราวกับหิมะเพลิงที่ล่องลอยลงมาสู่โลก ซึ่งมันนั้นก็ได้ก่อตัวกลายเป็นบาเรียคุ้มกันรอบตัวของอ่าวไปเสวีย
โซ่ยมทูตนับไม่ถ้วนนั้นก็ได้คลุมตัวอ่าวไปเสวียชั้นแล้วชั้นเล่าซึ่งปิดกั้นมิติรอบตัวอ่าวไปเสวีย และทําให้เขาไม่อาจจะขยับเขยื้อนได้ ต่อมาร่างของหวงเสี่ยวหลงก็ได้หายวับแล้วไปปรากฏตัวที่ด้านบนหัวของอ่าวไปเสวีย พร้อมกับที่ใช้ดาบเทพอสูรฟาดลงมาใส่อ่าวไปเสวีย ซึ่งมันก่อให้เกิดระเบิดสายฟ้าขึ้นในขณะฟันทะลุผ่านบาเรียคุ้มกันเพลิงเหมันต์ของอ่าวไปเสวีย
ร่างกายอ่าวไปเสวียที่สูญเสียบาเรียคุ้มกันก็ได้ถูกฉักกระชากเพราะริ้วสายฟ้านับไม่ถ้วนแม้ว่าแก่นมิตินักบุญศักดิ์สิทธิ์นั้นจะคุ้มกันเขาไว้ก็ตาม แต่ความเจ็บปวดที่เขาได้รับนั้นก็ไม่ได้ต่างจากการถูกฟันด้วยดาบหรือมีดนับล้านครั้ง และทันใดนั้นเสียงกรีดร้องอันทุกข์ทรมานก็ได้ดังก้องขึ้นมาไปทั่วอากาศ ในขณะที่อ่าวไปเสวียหมดแรงและล้มลงกับพื้น
ทางหวงเสี่ยวหลงนั้นก็ร่อนลงพื้นอย่างช้าๆตรงหน้าของอ่าวไปเสวียและแสดงสีหน้าอันไม่แยแสออกมาใน ขณะจ้องมองรอยบาดแผลที่เกิดจากการฟันบนร่างของอ่าวไปเสียและควันที่โชยขึ้นมา
แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญศักดิ์สิทธิ์นั้นจะสามารถใช้แก่นมิตินักบุญศักดิ์สิทธิปกป้องร่างกายของตัวเอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไร้พ่าย มันก็แค่เป็นการป้องกันที่มั่นคงขึ้นก็แค่นั้น ตราบใดที่การโจมตีนั้นมากเกินกว่าที่จะรับไหว แก่นมิตินักบุญศักดิ์สิทธิก็จะพังทะลายแบบนี้
อ่าวไปเสวียนั้นก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้น แม้ว่าสภาพของเขานั้นจะน่าสมเพชมาก แต่เขานั้นก็ยิ้มให้กับหวงเสี่ยวหลงได้ “ข้าไม่เคยคิดเลยว่า ข้า อ่าวไปเสวีย จะมาตายในน้ํามือของผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียน”คําพูดของเขาก็หยุดไปชั่วขณะ แล้วยิ้มออกมามากกว่าเดิม “แต่หวงเสี่ยวหลง แม้ว่าข้าจะตายไป นิกายเทพนักรบนั้นก็คงจะคนอื่นมาฆ่าเจ้าอยู่ดี และข้ามั่นใจว่าสักวันนึงเจ้าก็จะตายในเงื้อมมือของสตรีศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา”
“สตรีศักดิ์สิทธิ์?”
ในขณะจ้องมองสีหน้าของหวงเสี่ยวหลง อ่าวไปเสวียนั้นก็พูดออกมา “ข้าลืมบอกเจ้าไป หลี่ลู่นั้นเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเทพนักรบของพวกเราแล้ว!!”