เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 740
ตอนที่ 740 เรื่องราวจากผืนหญ้า(ตอนกลาง)
เมื่อเข้าวันที่สามเทียนหนิงเจี้ยน หลิวเจียและสมาชิกทีมก่อสร้างทั้งมวลมุ่งหน้ากลับเมืองหลังจากทํางานหนักมาอย่างต่อเนื่องทั้งสามวันทีมก่อสร้างเดินเทียวไปมาระหว่างเมืองขนของยังชีพข้าวปลาอาหารแห้งและน้ำแบกหามเถาวัลย์ที่พันธนาการร่างของค้างคาวปีกเหล็กกลับไปไว้ที่เมืองและสร้างที่พักฐานพักพิงชั่วคราวตลอดทั้งวัน
ส่วนเทียนหนิงเจี้ยน มันได้รับข่าวที่ไม่เป็นผลดีสักเท่าไหร่เพราะเมืองที่ไร้ผู้นํากําลังระส่ําระสายเกิดความวุ่นวายขึ้นภายในเมืองอันสําคัญทําให้มันต้องทําหน้าที่รักษาการณ์ชั่วคราวนําทีมก่อสร้างกลับไปยังเมืองเพื่อรักษาความสงบภายในเมืองยังเพิ่งรับสมาชิกใหม่มาอยู่ร่วมนั่นคือมนุษย์หมาป่าและมนุษย์กิ้งก่าและมนุษย์อีกหนึ่งกลุ่ม เพียงไม่กี่วันก่อนหน้าพวกมันยังเป็นอริเป็นศัตรูต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายหมายเอาชีวิตอีกฝั่ง
ตอนนี้พึ่งผ่านมาเพียงไม่กี่วันแน่นอนว่าหากในกลุ่มสมาชิกใหม่นี้มีบุคคลเลวทรามปะปนอยู่และเห็นโอกาศมันอาจจะใช้ช่วงเวลาที่เมืองกําลังตกอยู่ในสภาวะคับขันยึดอํานาจก็เป็นได้เพื่อการนั้นเทียนหนิงเจี้ยนที่มักระมัดระวังอยู่เป็นทุนเดิมย่อมมิปล่อยให้มีแม้เศษเสี้ยวโอกาศที่จะเกิดเรื่องดังกล่าวรุดหน้ากลับเมืองโดยไว
อีกเหตุผลสําคัญก็คือการกลับไปเพื่อปลอบประโลมจิตใจของพลเมืองตาดําๆทั้งหลายที่ส่วนใหญ่คือเด็กและคนชราที่วิตกกังวลกับการหายตัวไปของหลินหยาง
เพราะสําหรับหญิงชายชราและเด็กตัวเล็กตัวน้อยทั้งหลายเหล่านี้ หลินหยางเป็นบุคคลที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพวกมันทั้งหมดเข้าด้วยกันหลินหยางเปรีบเสมือนบิดามารดาผู้ปกครองของเด็กน้อยและเป็นลูกหลานที่กตัญญต่อคนชราเช่นกัน
ยังมิลืมว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วล้วนถูกทอดทิ้งจากครอบครัวผลักไสเข้ามายังประตูอันดํามืดเพื่อแลกกับเงินตราเล็กๆน้อยๆที่มิสามารถเทียบค่าได้กับชีวิตของพวกมันแต่ละคน ซึ่งตอนนี้ก็มิทราบว่าลูกหลานและพ่อแม่พี่น้องของพวกเขาจะรู้หรือไม่ว่าสถานที่ที่พวกมันส่งคนในครอบครัวมานั้นเป็นที่อันโหดร้ายขนาดไหนหรือบางทีพวกมันอาจจะลืมบุคคลที่มีสายเลือดเดียวกันเหล่านี้ไปแล้วก็เป็นได้
และเป็นหลินหยางที่ให้การดูแลพวกเขาอย่างดีทิ้งขว้างแม้พวกเขาจะไม่สามารถทําประโยชน์ใดๆได้ก็ตามให้ที่พักอาศัยให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตประจําวันตามที่เป็นอยู่ลูกเด็กเล็กแดงที่จะไม่มีวันเติบโตตามอายุขัยใครที่มิสามารถช่วยเหลือตัวเองได้หลินหยางก็มิเคยแยกแยะหรือมองว่าพวกเขาเป็นตัวถ่วงให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ให้อาหารที่มากเกินพอเพียงในแต่ละวันสร้างบ้านเรือนให้หลับนอน
หลินหยางจึงเป็นบุคคลหนึ่งเป็นที่รักใคร่ของพลเมืองไม่น้อยเลยทีเดียว บุรุษและสตรีที่โตเต็มวัยเมื่อเห็นหลินหยางปฏิบัติตัวเป็นแบบอย่างอันน่านับถือ พวกมันก็ถือหลินหยางเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองนี้
นี่จึงเป็นเหตุผลที่มีคนนับร้อยออกควานหาตัวหลินหยางอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง
ซึ่งดูจากการปักหลักสร้างฐานไว้บนผืนหญ้าแห่งนี้แล้ว พวกมันย่อมไม่ล้มเลิกในเร็ววันยังคงสามัคคีออกตามหาหลินหยางอย่างต่อเนื่องไม่ลดละ
ตอนนี้เป็นช่วงค่ําหากนับตามเวลาปกติคงราวสักหนึ่งถึงสองทุ่มเห็นจะได้ ซึ่งเป็นเวลาที่ไม่เหมาะสําหรับการปฏิบัติหน้าที่สักเท่าไหร่ด้วยอุปสรรคจากความมืดนั่นแลนี่จึงเป็นเวลาพักและรวบรวมข้อมูลที่หามาได้ตลอดวันหลิวไห่จิ๋นเหอเจียวฮั่นลู่คงผู้นํากลุ่มคนแคระและจหัวหน้านักรบจากเผ่าเอลฟ์ทั้งห้ารายกําลังนั่งล้อมกันเป็นวงกลมด้วยใบหน้าคร่ำเครียดพวกมันแบ่งหน้าที่รับมอบหมายเดินทางกันไปคนละทิศทาง
ถัดจากพวกมันที่ล้อมรอบกองไฟยังมีทหารจากเมืองหลินหยางและอีกสองเผ่าล้อมกรอบอีกชั้นหนึ่ง
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ความหวังยิ่งริบหรี่ลงเท่านั้น แต่พวกมันยังไม่ละทิ้งความพยายามเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่าหลินหยางยังคงมีชีวิตอยู่ที่ใดที่หนึ่งเพราะยังไม่มีใครได้รับการแจ้งเตือนจากเสียงที่ดังก้องภายในหัวถึงการเสียชีวิตของสมาชิกเมือง
“หรือพวกเราควรขุดลงไปลึกกว่านี้?” เจียวชิ้นมนุษย์หมาป่าหนุ่มแสดงความเห็น บุคคลอื่นล้วนนั่งแต่มนุษย์หมาป่าผู้นี้เป็นรายเดียวที่กําลังนอนคว่ําใช้สองมือท้าวคางอยู่มิใช่เพราะมันขี้เกียจแต่เป็นเพราะบาดแผลบนร่างของมันมเอื้ออํานวยต่างหาก จากวันแรกที่ออกมาจากถ้ําค้างคาวเรียกได้ว่ามันจะตายวันตายพรุ่งยังยากจะคาดเดา แต่ตอนนี้สีหน้าค่าตามันแจ่มใสเปล่งปลั่งดจดั่งไร้โรคภัยซึ่งต้องขอบคุณทักษะระดับเทพเจ้าของหรงเถียนเหยาที่อุทิศตัวใช้พลังเกือบทั้งหมดในการรักษาหัวหอกของหน่วยโจมตีระยะใกลรายนี้จนใกล้หายดี
ซึ่งตอนนี้หรงเถียนเหยาแพทย์สาวแสนสวยที่ปกติควรจะกลับเข้าเมืองตามหลิวเจียและเทียนหนิงเจี้ยนยังคงปักหลักอยู่กับชายฉกรรจ์ทั้งหลายไม่ไปไหนก็เพราะผู้บาดเจ็บร่วมร้อยที่ยังรอคอยการรักษาอยู่ด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ของเธอมิอาจปล่อยให้ผู้บาดเจ็บเหล่านี้ไปตามยถากรรมเพราะแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการปล่อยให้พวกมันไปตายไม่ว่าจะสัตว์ประหลาดหรือเมืองผู้รอดชีวิตกลุ่มอื่นๆ
ซึ่งจากข้อมูลที่พึ่งได้รับมาล่าสุดนั้นน่าใจหายยิ่ง มันมีทั้งการค้ามนุษย์ นําบุรุษตั้งแต่เด็กยันแก่ไปใช้แรงงานส่วนสตรีก็ใช้เป็นเครื่องสนองตัณหา เพื่อการนั้นเธอจึงอาสาอยู่รักษาพวกมันต่อจนกว่าจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้
หลังจากถามความเห็นกันของเหล่าระดับผู้นํากลุ่มแล้ว พวกมันก็ได้มติเอกฉันท์ว่าไม่ต้องการให้ผู้บาดเจ็บที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าทั้งหลายเหยียบย่ําเข้าไปในเมือง มิใช่เพราะรังเกียจเดียดฉันท์แต่เพื่อความปลอดภัยของคนภายในเมืองส่วนหนึ่งอีกนัยนึงพวกมันก็ยังไม่ไว้ใจบุคคลหน้าใหม่กลุ่มนี้สักเท่าไหร่ อีกส่วนก็รอเพื่อให้หลินหยางมาเป็นผู้ตัดสินใจนั่นเอง
ซึ่งผู้รอดชีวิตกลุ่มนี้เกือบทุกรายถูกเค้นเอาข้อมูลเกี่ยวกับหลินหยางมาจนหมดสิ้น ซึ่งบทสรุปแล้วก็แทบไม่มีข้อมูลใดที่มีประโยชน์เลย แต่ก็ยังมีความหวังอยู่กับชายอ้วนและชายผอมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจนสิ้นสติทั้งสองรายที่เป็นบุคคลสุดท้ายที่อยู่กับหลินหยางจนกระทั่งถ้ําถล่ม
“แต่พวกเราก็ขุดกันไปเยอะแล้วไม่ใช่เรอะ และอีกอย่างหากเจ้าหนุ่มหลินหยางถูกฝังอยู่ใต้ดินจริงๆป่านนี้มันไม่ตายไปแล้วหรอกหรือ?” ลู่คงผู้นําคนแคระเห็นต่างกับเจียวซิน มันไม่คิดว่าจะมีใครถูกฝังอยู่ใต้ดินมากว่าสามวันแล้วจะมีชีวิตรอด ตัดเรื่องอดน้ำอดอาหารออกไปหลินหยางมันจะเอาอากาศที่ไหนหายใจ?
มองไปข้างๆกองก้อนหินที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของถ้ํา มีกองดินขนาดเล็กหลายสิบกองพะเนินเรียงรายบนพื้นมีหลุมลึกกว่าสองถึงสามเมตรอยู่หลายสิบหลุม นี่คือหลักฐานของความพยายามอันสูญเปล่าที่พวกมันเสียแรงไปโดยไม่เจอร่องรอยของหลินหยาง
“ตรงนั้นอะไรน่ะ?” ตอนนั้นเองเอลฟ์หนุ่มจุขมวดคิ้วเพ่งสายตามองไปยังลูกไฟหลายสิบลูกที่กําลังมุ่งหน้าเคลื่อนที่มาทางนี้ทิ้งฝุ่นตลบไว้เบื้องหลัง เมื่อเข้ามาในระยะมองเห็นด้วยสายตาอันเฉียบคมของเอลฟ์ทําให้ลี่
สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง มันคือสมาชิกเมืองของหลินหยางที่กําลังถือคบไฟวิ่งกันหน้าตาตื่นเป็นขบวนแถวตรงปรี่เข้ามา
ผู้ที่วิ่งนําขบวน มันมีนามว่าหวงฮั่น อดีตศัตรูที่ยอมสยบเข้าร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับเมืองหลินหยาง จากเดิมหลนหยางตั้งใจจะให้หวงฮั่นและกลุ่มที่พึ่งสวามิภักดิ์เป็นตัวตายตัวแทนไปเฝ้ายามในแหล่งอาหารแต่จุดแต่เมื่ออาศัยอยู่ด้วยกันนานเข้ากลับกลายเป็นความผูกพันธ์ตอนนี้มันจึงได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าของหน่วยเวรยาม ควบคุมกองกําลังเวรยามส่งคนไปประจําตามจุดต่างๆ
หวงฮั่นพาลูกน้องมากว่าสิบคนวิ่งมาตลอดทางจนมาหยุดอยู่เบื้องหน้าคนกลุ่มนี้ด้วยความเหน็ดเหนื่อยเหงื่อไคลเต็มตัว มันวิ่งมาจากเมืองที่ห่างออกไปกว่ายี่สิบกิโลเมตร