เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 739
ตอนที่ 739 เรื่องราวจากผืนหญ้า(ตอนต้น)
อีกกลุ่มที่ทํางานหนักไม่แพ้หน่วยแพทย์สนามนั่นก็คือเหล่าพ่อครัวหัวป่าทั้งหลาย พวกมันจําต้องปรุงอาหารอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเพื่อมื้อเช้าสาย บ่าย เย็น ซึ่งรวมไปถึงมื้อดึกอีกสามเวลาด้วยเช่นกันเวลาว่างงั้นหรือ? เวลาว่างของพวกมันก็คือการล้างผัก เฉือนเนื้อ เคี่ยวน้ําแกงตูนกระดูกใช้เวลาที่มีเพื่อทําอาหารสํารองเผื่อเวลา ฉุกเฉิน อาหารส่วนใหญ่ที่ทําขึ้นล้วนเป็นเมนูที่ให้พลังงานสูงและนี่ก็เป็นอีกเคล็ดลับที่เป็นตัวช่วยอีกหนึ่งทางที่จะฟื้นฟูร่างกายของเหล่าผู้บาดเจ็บในทางอ้อม
นอกจากกองกําลังรบ หน่วยสนับสนุนแล้ว ยังมีกลุ่มหนึ่งที่ทํางานอยู่เบื้องหลังไม่มีความเกี่ยวข้องกับการต่อสู้แต่งานของพวกมันสําคัญไม่น้อยไปกว่ากัน พวกมันเป็นกลุ่มชายฉกรรจ์ที่รวมกันทั้งกลุ่มแล้วยังมีไม่ถึงพันคนเรียกได้ว่าเป็นกองกําลังที่เล็กที่สุดเลยก็ว่าได้ ฐานทัพที่ตั้งกระโจมแพทย์หลังเล็กหลังใหญ่เพิ่งพักรับรองผู้ป่วย ที่นอนชั่วคราวคลังแสงแหล่งอาวุธหลุมลึกสําหรับเก็บรักษาอาหารพวกมันคือหน่วยแรงงานใช้พลังกายอันมหาศาลก่อร่างสร้างเรือน ทุกสิ่งปลูกสร้างที่สร้างขึ้นนอกกําแพงเมืองภายในสองวันมานี้ถูกสร้างขึ้นด้วยมือของชายฉกรรจ์ทั้งพันคนที่นําโดยฮุยจ่อปาน้องชายลําดับที่เก้าของแม่ทัพใหญ่จ่อหมิง
นอกจากกลุ่มที่กล่าวมาข้างต้นยังมีอีกไม่น้อยที่ทําหน้าที่ในส่วนอื่น สงครามนั้นมิใช่มีแต่ทหารนักรบเข้าน้ํานั่นผู้ที่ทํางานอยู่เบื้องหลังก็มีความสําคัญไม่แพ้กัน
หอโอสถ
สถานที่แสนสงบสุขไกลห่างจากความวุ่นวาย
หนึ่งสตรีหนึ่งบุรุษใช้ชีวิตปลีกวิเวกสันโดดไร้ผู้คนรบกวน
หลินหยางปิติสุขดีทุกอย่าง ร่างกายฟื้นฟูอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดเอาไว้
กิจวัตรประจําวันของมันไม่ต่างไปจากเดิม ทานอาหารตามเวลา ทานยาบํารุงสมุนไพรมากประโยชน์ทําความสะอาดบาดแผลชําระล้างร่างกาย ร่ําเรียนวิชาแพทย์และภาษากับสาวน้อยงีบหลับเป็นบางเวลาบางครามแขกหน้าเดิมมาเยี่ยมเยียนนั่นคือชายชราทั้งสองแวะเวียนมาบ้างเป็นบางช่วง
บางทีมันหลงคิดว่าช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ก็ดีไม่น้อยเช่นกัน มันได้ทานอาหารเลิศรสที่มิได้ลิ้มลองมาเสียนานแถมอาหารเหล่านั้นช่างหรูหราจนแม้แต่ตัวมันในโลกใบเก่ายังมิเคยคิดฝันจะได้ลิ้มลองสิ่งที่มันชอบใจที่สุดเห็น ที่จะเป็นการที่ได้นอนหลับพักผ่อนคลายจิตใจอยู่ภายในห้องเล็กอันอบอุ่นนี้ตั้งแต่เกิดจนเติบโตตัวมันแทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเองไม่มีหรอกคําว่าสุขสบายพักผ่อนหย่อนใจ
ในโลกเดิม เวลาเกือบยี่สิบชั่วโมงของมันหมดไปกับการทํางานหามรุ่งหามค่ํา ข้ามผ่านประตูยักษ์มากลับแย่ยิ่งกว่า ในแต่ละวันที่ผ่านพ้นกดดันอึดอัดตรึงเครียดกับการเอาชีวิตรอดต่อสู้กับสัตว์ประหลาดแสนน่าเกลียดน่ากลัวที่สามารถปลิดชีวิตน้อยๆของมันได้ทุกเมื่อ เกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา แม้กระทั่งการนอนหลับยังถูกรบกวนด้วยฝันร้าย ในฝันของมันหลายครั้งต่อสู้กับสัตว์ประหลาดหลายคราหนีสัตว์ยักษ์หลายคืนที่สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกหวั่นวิตกหวาดระแวงทุกสิ่งอย่าง
แต่ในตอนนี้มันได้นอนหลับฝันหวานอิ่มเอมเปรมฤทัยมีสาวน้อยหน้าตาสละสลวยคอยปรนิบัติพัดวีป้อนข้าวป้อนน้ําเป็นคู่สนทนา ฉะนั้นการที่นอนเป็นผักเช่นนี้ก็มิใช่เรื่องแย่เสมอไป
แต่วันนี้ก็มีเรื่องแปลกเล็กๆน้อยๆเกิดขึ้นเช่นกัน ช่วงบ่ายของวันนี้ด้านนอกสถานที่แห่งนี้มีคนมาเอะอะโวยวายเสียงดังแสบแก้วหูซึ่งดูเหมือนคนผู้นั้นจะเป็นพี่ชายของผิงอัน หลินหยางไม่เข้าใจเช่นกันว่าเหตุใดพี่ชายของเด็กสาวจึงมาตะโกนโหวกเหวกอย่างอารมณ์เสียอยู่นอกห้อง
ยังไม่หมดเท่านั้นซึ่งเรื่องแปลกนี้ทําเอาหลินหยางขนหัวลุกเป็นครั้งคราวเลยทีเดียว เพราะบนเพดานห้องมีเสียงแปลกๆ คล้ายกับมีใครสักคนกําลังเดินไปมามีการเคลื่อนไหวอยู่ บางคราชายหนุ่มรู้สึกเย็นวาบขนแขนลุกชั้นอย่างไม่มีสาเหตุ บางครั้งรู้สึกว่ากําลังมีสายตาคู่หนึ่งลอบแอบมองตนอยู่อย่างไงอย่างงั้นซึ่งแน่นอนว่าหลิน หยางต้องถามแก่ผู้รู้สอบถามผิงอันคลายความสงสัยและสิ่งที่สาวน้อยตอบกลับมาก็คือที่นี่มีแค่เราสองไม่มีใคร
นั่นคือเรื่องแปลกที่เกิดขึ้นภายในวันนี้หนะน่ะ
ซึ่งมันเป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เวลาผ่านไปก็ลืมเลือนมิใช่ปัญหาใหญ่ที่จําต้องเก็บมาใส่ใจหลินหยางและสาวน้อยยังคงใช้ชีวิตไปอย่างเรื่อยเปื่อยไร้ความกังวลกันต่อไป
ทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์ไกลสุดสายตา มองไปทางใดก็พบแต่ต้นหญ้าที่สูงยังมถึงข้อเท้าเต็มไปหมด
ณ สถานที่แห่งหนึ่งในผืนหญ้าสุดกว้างไกลนี้มีกลุ่มคนร่วมสองถึงสามร้อยชีวิตกําลังปักหลักตั้งแคมป์ปกสร้างเพิงพักหลังน้อยหลายสิบหลังล้อมรอบกองไฟขนาดใหญ่โหมลุกโชน ห่างออกไปราวหนึ่งร้อยเมตรมีเศษหินก้อนเล็กก้อนใหญ่กองพะเนินเป็นภูเขาลูกย่อมๆ
คนกลุ่มนี้เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาอย่างยิ่ง พวกมันคือหนึ่งในสมาชิกเมืองไร้ชื่อที่ถูกรวมรวบมาจากทุกสารทิศ
ในจํานวนกว่าสามร้อยชีวิตนี้มีบุคคลที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นคนสนิทใกล้ชิดของหลินหยางอยู่ด้วยพวกมันคือหลิวไห่จิ้นเหอเจียวซินเจียวสั้นและหรงเกียนเหยาซึ่งบุคคลเหล่านี้หากเทียบกับระดับการปกครองพวกมันล้วนอยู่ในระดับสูงของเมืองมีอํานาจการตัดสินใจออกสิทธิ์ออกเสียง
คนอื่นก็ใช่ว่าไร้ชื่อเสียงเรียงนาม พวกมันก็มีความสัมพันธ์ไม่ด้อยไปกว่าบุคคลที่กล่าวมาข้างต้นบางคนอาจจะมีประสบการณ์เคียงบ่าเคียงไหล่กับหลินหยางมากกว่าเสียอีกพวกมันคือทีมต่อสู้ระยะใกล้ที่หลินหยางเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นผู้บัญชาการโดยตรงอีกกลุ่มคือหน่วยจู่โจมทั้งสามหน่วยที่รวบรวมเหล่ามนุษย์หมาป่าผู้โดดเด่นในเรื่องความเร็ว
ซึ่งจํานวนสมาชิกจากทั้งสองกลุ่มนี้หากนับรวมเบ็ดเสร็จแล้วมียังไม่ถึงหนึ่งร้อยชีวิต แล้วจํานวนคนที่เกินมาอีกกว่าสองร้อยนั่นล่ะเป็นใครกัน?
กว่าครึ่งเป็นผู้รอดชีวิตจากถ้ําค้างคาวปีกเหล็กผู้ที่ตกเป็นเหยื่อถูกจับเพื่อนําไปเป็นอาหารบูชาปีศาจแวมไพร์ที่พึ่งจะหนีเอาชีวิตรอดออกมาด้วยความทุลักทุเลพร้อมกับบาดแผลเต็มตัวเกาะกลุ่มนั่งล้อมวงทานอาหารอย่างเอาเป็นเอาตาย
ส่วนที่เหลือพวกมันคือกลุ่มคงมาจากเมืองพันธมิตร!!
เอลฟ์ คนแคระและเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของหลินหยางที่พึ่งก่อตั้งขึ้นหมาดๆ นั่นก็คือเมืองของฉางเปาผู้ลี้ภัยจากสงครามอันโหดร้าย
เหตุผลที่คนเหล่านี้มารวมกันอยู่ที่นี่ล้วนมีเป้าหมายเดียวกันทั้งสิ้น นั่นคือหลินหยาง ผู้นําที่หายสาบสูญ!!
ในวันแรกที่หลินหยางผู้ที่เป็นจุดศูนย์กลางที่พวกมันไว้วางใจฝากชีวิตเอาไว้ได้หายตัวไปจากถ้ําค้างคาวอย่างปริศนานั้นวุ่นวายอย่างยิ่งแต่ละกลุ่มแต่ละหน่วยส่งคนออกตามหาอย่างกระวนกระวายวาดภาพเหมือนของมันแวะเวียนไปไถ่ถามแต่ละเมืองใกล้เคียงอย่างร้อนลน
วันที่สองลุกลามไปถึงเมืองพันธมิตรอย่างเอลฟ์และคนแคระ รวมกําลังส่งคนออกช่วยตามหาตามสถานที่ต่างๆ