ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) - ตอนที่ 40
ตอนที่ 40 กําหนดแผนการ
“นายไม่มีปัญหาด้านสัญญาใช่ไหม”
“นายหมายความว่าไง”
“ก็สัญญาที่เซ็นกับตระกูลสมิวไง”
“แหม มันเป็นงานที่ฉันสนใจอยู่แล้ว และยังไงซะท่าทางทํางานที่จริงจังของฉันก็ทําให้คนพวกนั้นคิดว่าฉันเป็นคนโง่เลยทิ้งแผนผังทั้งหมดไว้ที่ฉัน”
“งั้นเหรอ ที่ฉันก็มีอยู่หน่อย ไว้เราเอามารวมกัน คงขายได้ราคาดีแน่ๆ”
“นั่นสินะ”
กลับมาถึงบนพื้นผิว เราสองคนก็หาที่เปลี่ยนชุดที่มีกลิ่นแปลกๆ ติดบนตัวออกไป แล้วเราสองคนก็นั่งคอยอีกสองคนข้างล่างขึ้นมาที่แถวๆ ทางเข้าตลาดมืด
แน่นอน เพื่อไม่ให้ถูกสงสัย เดลในตอนนี้จึงสวมผ้าปิดปาก เพราะยังไงคนในเมืองนี้ก็แต่งตัวแบบไหนก็ได้และการสวมผ้าปิดปากก็นับเป็นการแต่งตัวตามปกติ
ดื่มชารออยู่สักพัก ในที่สุด สองคนนั้นก็เดินออกมาทีละคน ดูได้ผลผลิตเยอะแยะทีเดียว
บนลําคอของแกเบรียลมีสร้อยคอที่มีเอฟเฟกต์อะไรไม่รู้อยู่หลายเส้น ถึงจะไม่รู้ข้อมูลของมัน แต่สเปเชียลเอฟเฟกต์ที่ประกายระยิบระยับนั่นก็ทําให้ผมรู้สึกถึงความร้ายกาจ
ส่วนโอยาโดะ…เธอมีซองใส่มีดห้อยไว้อยู่หลายซอง ในนั้นมีมีดหลากหลายประเภท ดูแล้วเหมือนกับมีดบินลอบสังหาร
“เฮ้ ทางนี้ๆ”
ทั้งสองเห็นท่าทางของผมก็ชะงักก่อน และโอยาโดะก็วิ่งมาหาทันที
“พี่ ทําไมถึงออกมาเร็วจัง”
“เพราะมีแหล่งของภารกิจแล้วน่ะสิ”
ผมชี้ไปยังเดลที่ยืนข้างๆ แล้วพูด
“เราไปคุยกันที่อื่นเถอะ”
“จะว่าไป คาถาเปลี่ยนหน้าของเจ้านี่ยอดเยี่ยมจริงๆ เมื่อครู่ข้ายังหาเจ้าไม่พบเลย”
“ผลของคาถาเปลี่ยนหน้าก็เพื่อให้คนอื่นมองไม่ออกไม่ใช่เหรอ”
“แต่ข้าดูออกนะ”
โอยาโดะพูดอย่างภูมิใจ
“งั้นเหรอ”
ผมมองโอยาโดะอย่างแปลกใจ
“เธอดูออกได้ไง”
“เพราะแววตาพี่มักให้ความรู้สึกเหนื่อยหน่ายแปลกๆ เป็นพิเศษ แต่พอเทียบกับคนอื่นกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป”
“จริงเหรอ งั้นก็นับเป็นเอกลักษณ์แล้วละ”
คนทั่วไปคงมองเอกลักษณ์ประหลาดแบบนี้ไม่ออกหรอกมั้ง
“สรุปแล้ว…”
ผมมองไปแถวๆ นี้ พอเห็นฉายาของคนที่อยู่ใกล้สุดห่างเราไปไกลแล้ว ก็แปลว่าแถวนี้ไม่มีคนอื่นอีก
ที่นี่เป็นที่ที่ผมเห็นตั้งแต่เพิ่งเข้ามา มันดูเหมือนตึกที่ถูกทิ้งร้าง และดูไม่มีปัญหาอะไร
“สรุปแล้ว เดลจะช่วยเราในคืนนี้ให้เราแฝงตัวในฐานทัพของตระกูลสมิว”
“เอ๊ะ หาผู้ช่วยได้เร็วขนาดนั้นเชียว”
โอยาโดะประหลาดใจ
“อืม วางใจได้ เดลต้องทําให้พวกเขาวางใจแน่ คืนนี้เราต้องพึ่งเขาแล้ว”
“อย่างนี้นี่เอง…”
“อืม ยังไงซะการตั้งค่าป้องกันของอาคารนั้นก็ออกแบบไว้ดีทีเดียว ถึงจะงัดเข้าไป…พอกลอนอันไหนปลดล็อคมันก็จะแจ้งเตือนทันที”
เดลพูดเสริม
“ยังไงฉันก็ต้องไปรายงานทุกระยะอยู่แล้ว พวกนายค่อยตามฉันเข้าไปตอนรูดบัตรก็พอ ตามปกติในนั้นจะไม่มีการป้องกัน เพราะพวกเขาพึ่งระบบป้องกันนั้นทุกอย่าง แต่บางที่อาจมีคนที่ว่างๆมายืดแข้งยืดขาที่นี่ เพราะ งั้นก็ระวังหน่อย”
“รายงาน…นายไปรายงานอะไรเหรอ”
“แน่นอนว่าเป็นกระบวนการการพัฒนาของฉัน การจะพัฒนาปืนรางไฟฟ้าในโลกนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แถมยังต้องติดตั้งไว้บนตุ๊กตาแบบนี้อีก ฉันกําลังศึกษาเรื่องลดการรับน้ําหนักมาเป็นเดือนแล้วแต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีทาง แก้เลย ฉันกําลังจะไปพูดแค่นั้นแหละ”
“ที่จริงนายไม่ควรให้ความสนใจแค่เรื่องนี้นะ นายลองสร้างรถถังหรือพวกหุ่นยนต์ไททันส์”
“อืม ไว้มีโอกาสละกัน”
“สรุปแล้วแผนการก็ตามนี้นะ ทุกคนมีความเห็นอะไรไหม”
“ถ้าเจอคนคุ้มกันจะทํายังไง”
แกเบรียลถาม
“ฆ่าเลย”
พวกเราสามคนพูดอย่างพร้อมเพรียง
“ยังไงก็ไม่แจ้งเตือนหรอก”
“ไม่ใช่เรื่องของฉัน”
“ความรู้สึกตอนฆ่าคนน่าจะดีมากเลยนะ”
สีหน้าของแกเบรียลกลายเป็นยุ่งเหยิง เหมือนเขากําลังพูดว่า…
คนพวกนี้นี่มันอะไรกันเนี่ย…