ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 653 ห้าแสน
เมื่อหวางอ้ายหมินพูดอย่างนั้น จ้าวเจียนโหย่วก็แสดงรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“เหล่าวัง คุณพูดถูก! เป็นไปไม่ได้ที่จะรวยแล้วลืมเพื่อนเก่าหรอกจริงไหม อย่างที่ว่ากันว่าถ้าช่วยคนที่รีบดีกว่าช่วยคนจน เราต้องการมันจริงๆ มิฉะนั้น เราจะไม่ขอยืมเงินคุณเลย ”
เมื่อหวางอ้ายหมินพูดจบ เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย เขาถอนหายใจ และเหลือบมองคนอื่นๆ
ซูฮวนกลอกตาอย่างดุเดือดและไม่พูดอะไร รู้สึกหดหู่ใจมากในหัวใจของเธอตอนนี้
หวังตงเสวี่ยค่อนข้างอึดอัดจริงๆ เมื่อถูกขอยืมเงินก็มักจะอึดอัดเช่นนี้ ยิ่งกว่านั้นด้วยรูปร่างหน้าตาของ จ้าวเจียนโหย่วมีที่ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ ซึ่งมันทำให้รู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น
เมื่อเห็นว่าคนในครอบครัวหยุดพูด ฉินจุนก็หัวเราะ
“พวกคุณต้องการเงินเท่าไหร่?” เห็นได้ชัดว่าครอบครัวของหวางอ้ายหมินไม่มีเงินมากพอที่จะไปจ่ายหนีด้านนอกได้ และจ้าวเจียนโหย่วก็มาหาพวกเขาเขา แต่ฉินจุนเองก็รู้ดี และมองออกถึงเจตนาของพวกเขา
แม้ว่าจะค่อนข้างไม่สบายใจ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ครอบครัวของลุงหวังต้องอับอายเรื่องเงิน
ครอบครัวของ จ้าวเจียนโหย่วทั้งสามคนมองหน้ากันและพูดว่า
“เราต้องการยืมเงินห้าแสน ไม่เช่นนั้นลูกชายของฉันจะต้องขายรถไป ไม่ต้องกังวลพวกเราจะคืนเงินให้คุณโดยเร็วที่สุด!”
โดยทั่วไปการยืมเงินจะต้องมีการกำหนดวันเวลา เมื่อจะต้องชำระคืน เช่นเดียวกับ จ้าวเจียนโหย่วเขาบอกว่าเขาจะชำระคืนโดยเร็วที่สุด โดยปกตืแล้วนั้นก็แปลว่าเขาไม่ได้เตรียมที่คืนนั่นเอง
แต่จวินฉินไม่สนใจ ห้าแสน ก็ถือว่าทำบุญไป เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ครอบครัวของลุงหวางต้องมาอับอาย
“ตกลง ฉันจะให้คุณยืม มาทำใบแจ้งหนี้กันเถอะ”
จ้าวเจียนโหย่วผงะไปครู่หนึ่งและเบะปากของเขาทันที “เราทุกคนเป็นเพื่อนเก่ากันและยังต้องทำใบแจ้งหนูอีกเหรอ … ”
ฉินจุนยิ้ม “ฉินจุนคนนี้ต้องเคลียร์บัญชีให้ชัดเจน และการทำใบแจ้งนี้ก็ไม่ผิดอะไร”
จ้าวเจียนโหย่วดูจะไม่เต็มใจ แต่ด้วยเงินจำนวนมหาศาล เขาไม่สามารถพูดอะไรได้ ในเมื่อเขาต้องการให้ทำก็ต้องทำแล้ว
เขาไม่เชื่ออีกต่อไปแล้ว ถ้าเขาไม่จ่ายเงินจริง ๆ เขาจะไม่ถูกเหล่าหวางฟ้องเอาได้
คนแบบนี้มี ถ่าคุณใจแข็งจริง งั้นเขาก็จะคืนให้ แต่ถ้าคุณอ่อนแอหรือใจอ่อน ก็อย่าคิดเลยว่าจะได้คือแม้แต่แดงเดียว
ทำใบแจ้งนี้ เซ็นชื่อ และพิมพ์ลายนิ้วมือเรียบร้อย
ฉินจุนถือใบแจ้งหนี้ไว้ พร้อมโอนเงินให้เขา 500,000 หยวน
เมื่อไดรักเงินจำนวนห้าแสนแล้ว ครอบครัวของ จ้าวเจียนโหย่วก็ยิ้มออกมา
“โอเคเหล่าหวาง ขอบคุณมากเลยนะ ลูกเขยของคุณนี่ดีจริงๆเลย ต่อครอบครัวของเราจะต้องไปมาหาสู้กันมากขึ้นแล้ว!”
“วันนี้ฉันไม่กินข้าวบ้านคุณแล้วนะ ไว้เจอกันวันหลัง!”
หลังจากพูดจบ ครอบครัวของจ้าวเจียนโหย่วก็จากไปทันที
หลังจากที่พวกเขาจากไป ซูฮวนก็บ่นทันที
“ไอ่บ้าเอ้ย คุณคิดยังไง คุณกล้าที่จะตกลง ให้เขาไป500,000 ? คุณมีเงินไหม นั่นเป็นเงินของเสี่ยวฉินทั้งหมด! ถ้าเกิดพวกเขาไม่จ่ายเงิน คุณจะหา 500,000ได้จากที่ไหนเอามาคืนให้กับเสี่ยวฉิน!”
หวางอ้ายหมินก้มศีรษะลงและสูบบุหรี่ต่อไปและเขาทำได้เพียงทนต่อการถูกดุ อันที่จริง เขาก็ไม่สามารถจ่าย 500,000 หยวนได้หรอก
ถ้าจ้าวเจียนโหย่วไม่จ่ายเงิน 500,000 หยวนคืนละก็ต้องยอมรับว่ามันเป้นโชคร้ายและความล้มเหลวแล้ว
หวางอ้ายหมินรู้สึกเสียใจเล็กน้อยต่อ และรู้สึกเกรงใจฉินจุน
แค่เผชิญหน้าไม่ได้ หน้าบางเกินไปสุดท้ายก็โดนยืมเงินจนได้
ฉินจุนยิ้ม “ลุงหวางไม่จำเป็นต้องกดดันขนาดนั้นหรอกครับ ผมมีใบแจ้งหนี้อยู่ ถ้าพวกเขาไม่คืน ผมก็จะใช้ใบแจ้งหนี้ตัวนี้เอาคทนมาครับ”
หวังอ้ายหมินพยักหน้า “ใช่ ใช่ เรายังมีใบแจ้งหนี้อยู่ และเหล่าจ้าวเองก็ไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้น!”
“มาเถอะ พวกเรามากินข้าวกันก่อน วันนี้เสี่ยวฉินซื้อรถให้เราพวกเราดีใจและมีความสุขมาก มาดื่มกันเถอะ!”
……
ครอบครัวของหวังตงเสวี่ยดื่มกันอย่างมีความสุข และครอบครัวของจ้าวเจียนโหย่วก็มีความสุขมากเช่นกัน
ครอบครัวนี้ไปร้านอาหารระดับไฮเอนด์และยังเรียกเพื่อนสองสามคนมารับประทานอาหารทะเลร่วมกัน
พวกเขาทั้งหมดเป็นเพื่อนในหมู่บ้านที่มักออกไปเที่ยวกับจ้าวเจียนโหย่ว หลายคนสับสนเมื่อเห็นอาหารทะเลมากมายบนโต๊ะนี้
“เหล่าจ้าว คุ้ณเป็นอะไรไป รวยแล้ว?เลี้ยงอาหารดีๆพวกเราเยอะขนาดนี้?”
จ้าวเจียนโหย่วยิ้ม “คุณก็แค่ต้องกิน คุณจะมาใส่ใจอะไรมากมาก? มา วันนี้เรามาดื่มกันเถอะ!”
จ้าวเจียนโหย่วหยิบเหล้าเหมาไถสองขวดออกจากกระเป๋าของเขา
สายตาของหลายคนเป็นประกายทันที และคิดไม่ถึงว่า จ้าวเจียนโหย่วจะจ่ายเงินซื้อเหล้าเหมาไถ สองขวดนี้ก็มีราคาสามหรือสี่พันหยวนแล้ว เหล่าจ้าวคนนี้น่าสนใจจริงๆ
ทุกคนไม่สนใจเรื่องนั้นมากนัก พวกเขากินและดื่มไปพร้อม ๆ กัน
หลังจากดื่มไปสักพัก ใบหน้าของจ้าวเจียนโหย้วก็แดงระเรื่อ และคำพูดของเขาก็เริ่มผิดปกติเล็กน้อย
เพื่อนบ้านเก่าหลายคนอดไม่ได้ที่จะถาม
“เหลาจ้าว คุณรวยมาจากไหน บอกเพื่อนของคุณหน่อยสิ!”
จ้าวเจียนโหย่วดื่มเหล้าไปและอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ฮะฮะ ฉันจะบอกพวกคุณให้ อย่าบอกใครนะ”
“เงินของฉันนี้ เหล่าหวางเป็นคนให้มา!”
เพื่อนหลายคนตะลึงกันไปตามๆกัน “เหล่าหวางเป็นคนให้คุณมา? ทำไมเหล่าหวางต้องจ่าให้คุณด้วย?”
จ้าวเจียนโหย่วหัวเราะสองสามครั้ง “ทำไมเขาถึงให้ฉันงั้นเหรอ? เพราะเขาโง่มั้ง! ฮ่าฮ่า! เหล่าหวางน่ะโง่จริงๆ ฉันพูดเรื่องน่าสงสารสองสามอย่างในอดีต และเขาขอให้ลูกเขยของเขาเอาเงินให้ฉันยืมครึ่งล้านแล้ว ”
“ฉันได้ครึ่งล้านมาอยู่ในมือ แล้วไอ่เด็กนั้นก็ยังให้ฉันเขียนใบแจ้งหนี้ใบหนึ่ง เหอะๆ มีใบแจ้งหนี้แล้วจะทำไม ฉันไม่คืน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคนโง่คนที่อย่างหวางอ้ายหมิน จะมีปัญญากล้าฟ้องฉัน?”
“ฮ่าๆๆๆ……”
จ้าวเจียนโหย่วและคนอื่นๆ ต่างพากันหัวเราะ พวกเขาหัวเราะอย่างไร้ยางอาย ดื่มอย่างมีความสุข ราวกับว่าพวกเขาเก็บเงินได้ครึ่งล้านโดยไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อย
……
คืนนั้นหลังจากส่ง จ้าวเจียนโหย่วที่เมาแล้วไป เหล่าจางก็นั่งแท็กซี่ไปที่บ้านของ หวางอ้ายหมินโดยตรง
เหล่าจาง ถือเหล้าอู่เหลียงเย่สองขวดเข้าบ้านไป เหล่าจางเป็นคนที่ดื่มเก่ง แต่เขามึนเล็กน้อยแต่ไม่เมา
หลังจากเคาะประตูบ้านแล้ว หวางอ้ายหมินก็ผงะไป “ลาวจางคุณมาที่นี่ได้ยังไง?”
เหล่าจางยิ้ม เดินตรงเข้าไปในห้องและนั่งลงทันที เขาวางเหล้าลงบนโต๊ะ และพูดเปิดอย่างตรงประเด็น
“เหล่าหวางช่วงนี้ฉันหมุนเงินไม่ทัน ไม่กี่วันก่อน ลูกชายของฉันสูญเสียธุรกิจของเขาไป เห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีของพวกเรา เราก็เป็นเพื่อนบ้านกันมานาน และตอนนี้ฉันได้ยินมาว่าคุณรวยแล้ว คุณพอจะให้ฉันยืมสักแสนได้ไหม……”
หวางอ้ายหมินขมวดคิ้ว ทำไมวันนี้เขาถึงมายืมเงินได้? เป็นไปได้ไหมที่ทุกคนอิจฉาที่เห็นเขาซื้อรถใหม่?
เมื่อกี้เขาเพิ่งจะยืมเงินฉินจุนไปห้าแสน หวางอ้ายหมินรู้สึกเหมือนถูกตบแล้ว คราวนี้เขาพลาดแล้วจำ เขาจึงปฏิเสธไปโดยตรง
“ฉันไม่มีเงินแล้ว ฉันมีเงินเก็บแค่นิดหน่อย แล้วตอนนี้ก็ให้เหล่าจ้าวไปหมดแล้ว ขอโทษนะ”
การปฏิเสธของ หวางอ้ายหมินนั้นแน่วแน่มากจน เหล่าจางถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เหล่าหวาง ถ้าคุณพูดเช่นนี้ งั้นฉันกลับก็ได้ พอรวยแล้วคุณก็ไม่รู้จักเพื่อนฝูงแล้วสินะ? เราเป็นเพื่อนกันมาก็หลายปีแล้ว มิตรภาพระหว่างเราก็ดี และฉันก็ยืมไม่เยอะสักหน่อย แค่หนึ่งแสนเท่านั้น ถ้าคุณไม่ให้ยืม งั้นฉันก็จะไปขายไตของฉันเท่านั้นแหละ”
หวังอ้ายหมินขมวดคิ้ว และรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย และอีกนิดเดียวเขาเกือบจะเปิดปากแล้ว
ซูฮวนที่ได้ยินจากห้องด้านหลัง เธอรีบออกมาแล้วพูดว่า
“ไม่ได้! ครอบครัวของเราตอนนี้ก็ไม่มีเงินเหมือนกัน อย่าพูดถึงหนึ่งแสนเลย แค่หมืนเดียวก็ไม่มีแล้ว เหล่าจาง เอาเหล้านี้ของคุณคืนไปเถอะ และคุณก็ลองไปถามคนอื่นดูเองนะ”
เหล่าจางถอนหายใจและทิ้งเหล้าสองขวดนั้นไว้ตรงนั้นและเดินจากไป ท่าทีของเขาดูราวกับว่ามีใครติดค้างเงินเขาอยู่
หลังจากที่เหล่าจางจากไป ซูฮวนก็จ้องไปที่หวางอ้ายหมินอย่างดุเดือด “เจ็บแล้วไม่จำหรือไง? ยังจะให้เขายืมเงินอยู่อีก คุณมีเงินเหรอถึงให้คนอื่นยืมแบบนี้?”
หวางอ้ายหมินถอนหายใจ โชคดีที่ซูฮวนออกมาทันเวลา ไม่อย่างนั้นเข่คงรับปากไปจริงๆแล้ว
หวางอ้ายหมินขมวดคิ้วและพูดว่า
“คุณว่า ทำไมพวกเขาถึงสนใจมาขอยืมเงินจากฉันกัน และยังใช้ลูกไม่เดียวกันอีกด้วย?”
จริงๆแล้วหวางอ้ายหมินค่อนข้างมีสติ แต่เขาเคยประสบกับความยากลำบากในวัยเยาว์ ดังนั้นเขาจึงชอบบ้าจี้ไปกลับเรื่องพวกนี้
ซูฮวนยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ “ใครจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หรือคุณจะลองโทรหาเหล่าเฟิงเพื่อลองถามดู?”
หวางอ้ายหมินพยักหน้า ลาวเฟิงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา เขามักจะอยู่กับเหล่าจาง และพวกเขาคิดว่าจะถามเหล่าเฟิงเพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นกันแน่
ฉินจุนและหวังตงเสวี่ยก็ออกมาฟังด้วย พวกเขาเองก็อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น