The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1610-เริ่มต้นการสวนกลับ
ตอนที่ 1610-เริ่มต้นการสวนกลับ
ที่แดนต้องห้ามหมื่นอสูร!
“ลูกแก้วมังกรของท่าน”
ซือหยูวางลูกแก้วมังกรและมองมังกรก่อกาลในหลุมมิติ
มังกรก่อกาลดีใจมาก
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าช่างซื่อตรงนัก!”
มังกรก่อกาลกล่าว
“เจ้าหนู คัมภีร์สมบัติก้นบึ้งมังกรที่ข้าให้เจ้าเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”
ซือหยูพูด
“ข้ารู้ไม่มากนัก”
มังกรก่อกาลพยักหน้าอย่างโล่งใจ
“อืม ไม่เลว อีกไม่นานเจ้าจะได้ไปถึงระดับใหม่”
“ข้ามีเรื่องที่ต้องทำ ลาก่อน”
ซือหยูประสานหมัดลา
มังกรก่อกาลส่งเขาออกไปด้วยสีหน้าโล่งใจ จากนั้นจึงกลายเป็นใบหน้าเจ้าเล่ห์และคาดหวัง
“ดูเหมือนว่าข้าจะมีหวังได้ก้าวหน้า!”
ที่แดนต้องห้ามธุลีแดง!
ซือหยูหยุดที่หน้าถ้ำร้าง
เขาก้าวไปข้างหลังไปยังดินแดนลึกล้ำที่ไม่มีผู้ใดก้าวออกมาได้
ซือหยูหยิบม้วนภาพเขียนเซี่ยจิงหยูออกมา
ที่หน้าถ้ำ หมอกควันม้วนออกพ้อมกับร่างงดงามที่ก้าวออกมา นางมองรอบ ๆ ด้วยความระมัดระวัง
นางมิใช่ใครอื่นนอกจากไค่หลิน พูดให้ถูกก็คือไค่หลินที่ตกอยู่ในห้วงความฝันของนางธุลีแดง
“เจ้าเองรึ?” นางธุลีแดงระแวง นางยังคงหวาดกลัวกับสิ่งที่ได้เห็นในวันนั้น
นางจ้องมองภาพเขียนในมือซือหยูและตาตื่นด้วยความบ้าคลั่ง
“เจ้าเอามันมาจากไหน?”
“ปลายทางแดนเทพที่เจ้าเห็นยังไงล่ะ”
ซือหยูพูดด้วยรอยยิ้ม
นางธุลีแดงสีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง นางพูดด้วยความสะพรึงกลัว
“เจ้าเป็นอะไรกับใต้เท้ากันแน่?”
ใต้เท้าที่นางพูดถึงคือหยุนหยาซือไม่ผิดแต่ แต่หยุนหยาซือปฏิเสธว่านางตกใจจากภาพเขียนนี้
แต่ภาพเขียนนี้จะทำร้ายใครได้อย่างไร?
นางที่บาดเจ็บสาหัสในวันนั้นมิได้เสแสร้งเลย
“เจ้าอยากเจอเขารึ?”
ซือหยูพูด
นางธุลีแดงรีบส่ายหน้าและจ้องมองซือหยู
“เจ้ามาหาข้าด้วยธุระอันใด?”
ซือหยูพูดเบา ๆ
“ไม่ยาก เจ้าช่วยข้าได้หรือไม่?”
“หึหึ ทำไมกัน?”
นางธุลีแดงฉีกยิ้ม
“ข้าจำไม่ได้ว่าติดหนี้บุญคุณอะไรกับเจ้า”
ซือหยูพูด
“ข้าพาเจ้ากลับดินแดนแรกเริ่มได้”
นางธุลีแดงสีหน้าจริงจังขึ้นทันที
“เจ้าพูดจริงเรอะ?”
“แน่นอน!”
“แล้วจะให้ข้าช่วยอะไร?”
ซือหยูยิ้มอย่างลึกลับ ซือหยูออกจากแเดนต้องห้ามธุลีแดงและมองไปที่สุสานโบราณ
ในสิบวันนี้ ซือหยูเดินทางไปกลับแดนต้องห้ามทั้งสาม เขาได้เจอกับคนที่หนีมากมายและได้รู้ข่าวคราวอย่างมาก
“ไม่คิดเลย”
ซือหยูยืนบนยอดเขา
การรวบรวมคนในแดนเทพเพื่อต่อสู้กับมังกรล้างโลกานั้นถูกซือหยูจัดแจงเอาไว้ตั้งแต่แรก
แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่านางกาลีจะมีพลังวิเศษที่จะทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเขาต้องถูกจับไปหมด
“เจ้าอยากกลับไปรึ?”
หยุนหยาซือถาม
ซือหยูพยักหน้า
“ถ้าไม่ไป คนเหล่านั้นจะตายเพราะข้า”
“ถ้าเจ้ากลับไป นางจะปล่อยคนพวกนั้นรึ?”
หยุนหยาซือพยายามเกลี้ยกล่อมซือหยู
ซือหยูส่ายหน้า
“ไม่ว่าผลจะเป็นเช่นใด นางกาลีย่อมไม่ปล่อยพวกเขาไป ข้ารู้ดี”
เขามิได้บริสุทธิ์หรือไร้เดียงสา
“แต่ข้าต้องไป! ร้อยล้านปีแห่งความเคียดแค้นจะต้องมาจบในยุคสมัยของข้า”
ซือหยูพูดและหายไปดั่งสายลม
ที่สุสานโบราณ
ห้าวันผ่านไป
ที่นี่กลายเป็นสุสานมรณะที่เต็มไปด้วยซากศพ มีศพคนตายอยู่เต็มไปหมด
มังกรล้างโลกาบินไปรอบ ๆ ซากศพอย่างเบื่อหน่าย
นางกาลีนั่งอยู่กลางอากาศ มังกรล้างโลกามองคนที่ถูกจับเอาไว้และพูดด้วยความเย็นชา
“ห้าวันผ่านมาแล้ว ถ้ามนุษย์สกุลซือกล้ามามันก็คงมาถึงแล้ว นายท่าน ใยต้องเสียเวลาอยู่เล่า? ฆ่ามันให้หมดแล้วพลิกแผ่นดินหามันก็สิ้นเรื่อง!”
นางกาลีส่ายหน้าเบา ๆ
ช่วยสนับสนุนผู้แปลทางเพจ banshee translate
โปรดหยุดอ่านของฟรีจนกว่าสถานการณ์โควิดจะหมด ผู้แปลไม่เหลืออะไรแล้ว
“ข้าไม่มีเวลามากมายเช่นนั้น”
“มีมนุษย์ตาขาวมากมาย พวกมันโหดเหี้ยมเมื่ออยู่ในแดนตัวเองแต่ขี้ขลาดเมื่ออยู่แดนอื่น! ในรายการหมื่นเผ่าพันธุ์ มันคือเผ่าพันธุ์ที่ต่ำต้อยที่สุด!”
มังกรล้างโลกาพูดหยาม
“นายท่านนั่งอยู่ตรงนี้แล้ว และข้าเองก็อยู่ที่นี่ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะมีมนุษย์หน้าไหนกล้ามา!”
นางกาลีลืมตาพลางคิด
“เจ้าพูดจามีเหตุผล มนุษย์ในแดนแรกเริ่มเป็นเผ่าชั้นต่ำเช่นกัน! แต่มนุษย์บางคนก็มีความสูงส่งอยู่เล็กน้อย อย่างจักรพรรดิกระบี่อสูรกับซือหยูที่จะกล้ามาที่นี่จริง ๆ”
นางลุกขึ้นช้า ๆ ดวงตามองไปยังใครบางคนในทิศทางหนึ่ง
มังกรล้างโลการู้สึกได้เล็กน้อย มันหรี่ตาถอนหายใจแรง
“มันกล้ามาตายถึงที่นี่เชียวรึ? ไม่รู้ว่ามันไปเอาความกล้ามาจากไหน! แต่ข้าจะให้มันตายโดยเร็วโดยไม่ต้องทรมาน!”