เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 5 ตอนที่ 134 การท่องเที่ยวแสนหรูหรา ณ สถานีตำรวจ
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 5 ตอนที่ 134 การท่องเที่ยวแสนหรูหรา ณ สถานีตำรวจ
เซี่ยเสี่ยวหลานลดมือที่ถือเครื่องช็อตไฟฟ้าลง
เธอไม่เพียงแต่ได้ยินชื่อของ ‘คังเหว่ย’ ทว่าพอเงยหน้าขึ้นมาก็พบคังเหว่ยกำลังวิ่งมาทางนี้
ส่วนชายหนุ่มวัยรุ่นผู้นี้นั้นเซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้จัก แต่เมื่อมาพร้อมคังเหว่ย ย่อมมาเพื่อช่วยเหลือเธอแน่นอน
“คังเหว่ย นายมาแล้วหรือ?”
คังเหว่ยนับถือเซี่ยเสี่ยวหลานเลยจริงๆ เจอเรื่องแบบนี้แล้วยังไม่รู้สึกลนลานเลยหรือ?
พวกปลอกแขนแดงโกรธจัด จึงคิดจะทำร้ายเส้ากวงหรง คังเหว่ยควงราวแขวนผ้าขนาดใหญ่ขึ้น “มาสิ ฉันจะคอยดูว่าไอ้สารเลวคนไหนมันกล้าลงมือ!”
คังเหว่ยโมโหยิ่งนัก ทว่าเส้ากวงหรงตื่นเต้นจากการได้เห็นอะไรครึกครื้นเสียมากกว่า
เซี่ยเสี่ยวหลานรีบอธิบายสถานการณ์อยู่ข้างๆ “พวกเขาบอกว่าตัวเองเป็นตำรวจ!”
เผื่อว่าเป็นตำรวจจริง หากคังเหว่ยทำร้ายพวกเขาก็อาจเกิดปัญหาได้ ลักษณะการปะทะของเซี่ยเสี่ยวหลานกับอีกฝ่ายไม่เหมือนกัน เธอใช้ประโยชน์จากเพศของตนเอง ตามความเห็นของสาธารณชนจะได้รับความเห็นอกเห็นใจมากกว่า
คังเหว่ยกวัดแกว่งกระบองไม้แล้วฟาดทันที เส้ากวงหรงโห่ร้องตาม ว่าด้วยเรื่องยกพวกตีกันทั้งสองคนนี้มีประสบการณ์ไม่เบา
ชายร่างเตี้ยทว่ากำยำคนหนึ่งแหวกฝูงชนพร้อมทั้งตะโกนออกมา “อย่าทะเลาะกัน อย่าทะเลาะกัน…”
เขาคือคนขับรถที่เลขาโหวจัดไว้นั่นเอง
พวกปลอกแขนแดงตีเขา เขาก็ไม่สู้คืน แต่พอเห็นว่ามีคนจะใช้กระบองฟาดเส้ากวงหรง คนขับรถหยุดกระบอกในทันที เขาหักกระบองไม้ของจริงขนาดโตเท่าข้อมือทารกโยนทิ้งไปอย่างง่ายดาย
“ผมบอกแล้วว่าอย่าทะเลาะกัน!”
ทั้งเส้ากวงหรงและคังเหว่ย ไม่ว่าคนไหนหากได้รับบาดเจ็บคนขับรถก็คงรับผลกระทบที่ตามมาไม่ไหวแน่ๆ
คนขับรถผู้เตี้ยล่ำรูปร่างไม่สะดุดตา ทว่าเมื่อแสดงฝีไม้ลายมือก็เห็นถึงความสามารถที่แท้จริง พวกปลอกแขนแดงล้มลงกับพื้นลุกไม่ขึ้นกันหมด ส่วนคนขับรถไม่สะเทือนแม้เส้นขนเดียว เขาจัดการได้ว่องไวแม่นยำและรุนแรง ไม่ใช่การวาดลวดลายต่อสู้แบบไร้ระเบียบของคนธรรมดาสามัญ
ให้มันได้แบบนี้สิ เรื่องราวเอะอะจนใหญ่โต รบกวนตำรวจตัวจริงเข้าเสียแล้ว
รวมเซี่ยเสี่ยวหลานเข้าไปด้วย ทุกคนโดนข้อหารวมกลุ่มก่อความไม่สงบพาไปยังสถานีตำรวจใกล้เคียงที่สุด
“ชื่อแซ่ อายุ ที่ตั้งตามทะเบียนบ้านและที่อยู่”
ตำรวจกักตัวคนกลุ่มหนึ่งไว้ด้วยกัน นี่ก็ไม่ใช่คดีใหญ่อะไร ไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนให้การเท็จ
เส้ากวงหรงอย่างกับคนที่เสพยากระตุ้น หรี่ตาให้คังเหว่ยเป็นระยะ คังเหว่ยรู้สึกอับอายมาก ได้แต่หันศีรษะไปอีกทาง เส้ากวงหรงจึงแอบไปเมียงมองเซี่ยเสี่ยวหลานแทน
นี่ก็คือคนรักของโจวเฉิง
โจวเฉิงมีคนรักที่สะสวยถึงเพียงนี้
เส้ากวงหรงตะลึงในความงดงามแต่แรกพบ ในใจถึงขั้นคิดว่าสมควรเป็นเช่นนี้ โจวเฉิงเลือกมากเสียยิ่งกว่าอะไร นอกจากคนที่น่ามองแบบนี้แล้ว ใครก็ไม่มีทางทำให้เขาใจสั่นได้สินะ?
ไม่แปลกใจที่โจวเฉิงจะห่วงใย แม้แต่เส้ากวงหรงที่เคยคบหาหญิงสาวมาเจ็ดแปดคนและยอมรับว่าตนคือผู้ช่ำชองในเรื่องผู้หญิง เมื่อพบเซี่ยเสี่ยวหลานเป็นครั้งแรกจิตใจยังอดที่จะปั่นป่วนอย่างเสียไม่ได้ ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เขาตื่นเต้น เนื่องจากเขาได้ปากสว่างเผยแพร่เรื่องโจวเฉิงมีคนรักไปทั่ว เส้ากวงหรงค่อนข้างกลัวโจวเฉิงจะคิดบัญชีภายหลัง คิดไม่ถึงว่าพอตามคังเหว่ยมาซางตู ก็ได้ ‘ช่วยเหลือ’ ว่าที่พี่สะใภ้พอดี
ตอนทะเลาะวิวาทเมื่อครู่เขาก็ทำสุดความสามารถแล้ว ว่าที่พี่สะใภ้ต้องประทับใจอย่างแน่นอน จดจำในพละกำลังที่เส้ากวงหรงได้ลงแรงไป!
“ผมถามชื่อแซ่คุณ! นั่งตัวตรงตอบให้มันดีๆ หน่อย!”
ตำรวจผลักเส้ากวงหรงเล็กน้อยด้วยความรำคาญ
“เส้ากวงหรง”
“อายุและที่อยู่ คุณทำแบบนี้ยังสมชื่อกวงหรง [1] ได้อีกหรือ ดูสิว่าทำร้ายคนเสียจนมีสภาพอย่างไรแล้ว!”
เมื่อคนขับรถร่างเตี้ยล่ำเดินเข้าสถานีตำรวจก็บอกว่าต้องการจะต่อโทรศัพท์ ตำรวจในสถานีขอให้พวกทำตัวดีๆ หน่อย เส้ากวงหรงไม่ให้ความร่วมมือเอาเสียเลย หลี่เฟิ่งเหมยเข้าสถานที่ประเภทนี้เป็นหนแรก เกรงกลัวจนพูดไม่เป็นภาษา
เซี่ยเสี่ยวหลานยังมีสติครบถ้วน จึงเล่าว่าพวกคนสวมปลอกแขนแดงปรากฏตัวอย่างไร ตัวเธอเองตอบโต้อย่างไร ยืนยันว่าคังเหว่ยและเส้ากวงหรงรวมถึงคนขับรถกล้าหาญต่อสู้เพื่อความยุติธรรม เพราะต้องการช่วยเธอถึงได้ลงมือ
เซี่ยเสี่ยวหลานถามตำรวจที่สอบปากคำอย่างไร้เดียงสา
“คุณตำรวจคะ พวกเขาเป็นพวกหลอกลวงหรือเปล่า?”
สีหน้าของตำรวจไม่ดีเอามากๆ
คนที่ถูกตีมิใช่ตำรวจของสำนักรักษาความปลอดภัยสักคน แต่เป็นสมาชิกของ ‘แนวร่วมป้องกัน’ ปีนี้การปราบปรามมาเยือน กำลังพลตำรวจแต่ละพื้นที่ไม่เพียงพออย่างหนัก จึงก่อตั้งแนวร่วมป้องกันของคณะตำรวจและพลเมืองจำนวนมากขึ้นมา
ปกติกลุ่มแนวร่วมป้องกันต้องให้ความร่วมมือกับงานของสำนักรักษาความปลอดภัย เข้าร่วมการลาดตระเวน รักษาการ ตั้งด่าน เฝ้าระวังไปจนถึงกิจกรรมป้องกันและหยุดยั้งการก่ออาชญากรรมผิดกฎหมายอื่นๆ—ลักษณะคล้ายคลึงกับผู้ช่วยตำรวจในอนาคต
เรื่องราวเป็นมาอย่างไรกันแน่ อันที่จริงคนมากมายล้วนเห็นกันแล้ว ทางสถานีตำรวจจับคนมาทั้งหมดเพราะว่าสมาชิกแนวร่วมป้องกันจำนวนหนึ่งโดนทำร้ายอย่างน่าอนาถใจมาก แนวร่วมป้องกันก็มีสิ่งที่จะอธิบาย เพราะมีคนแจ้งว่าแผงของเซี่ยเสี่ยวหลานขายสินค้าปลอมในราคาสูงลิ่ว พวกเขาแค่ไปตรวจสอบ ใครจะรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่ยอมให้ความร่วมมือ ทั้งยังเรียกคนมาทำร้ายพวกเขา!
“เธอรู้จักคนของแนวร่วมป้องกันหรือ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานทำหน้าไร้เดียงสา “ไม่รู้จักค่ะ ฉันเป็นคนชนบทที่เพิ่งเข้าเมือง พวกเขาบอกว่าจะพาฉันกลับสถานีตำรวจ ฉันจึงถามว่าเป็นตำรวจหรือไม่ มีบัตรประจำตัวหรือเปล่า คนพวกนั้นก็ดันโมโหจะลงมือเสียได้”
สติปัญญาของคุณตำรวจแน่วแน่กว่าคนทั่วไป แต่เมื่อถูกเซี่ยเสี่ยวหลานมองด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย เขารู้สึกว่าตนเองกำลังโดนรีดคำรับสารภาพ
หญิงงามล่อลวงใจ!
“เสี่ยวผิง เธอมาถามเขาที!”
เขาตัดสินใจเรียกเพื่อนร่วมงานหญิงที่เพิ่งย้ายมามาสอบสวนเซี่ยเสี่ยวหลานเสียเลย
เซี่ยเสี่ยวหลานมองเธอ ตำรวจหญิงตรงหน้าดูคุ้นตาอยู่บ้าง
ตำรวจหญิงก็ตะลึงเช่นกัน
“คนอันชิ่ง? คุณชื่อเซี่ยเสี่ยวหลานใช่หรือไม่?”
เสี่ยวผิงผู้นี้ก็คือตำรวจหญิงจั๋วเว่ยผิงที่เคยบันทึกปากคำให้เซี่ยเสี่ยวหลานในสถานีตำรวจเขตอันชิ่งนั่นเอง
เซี่ยเสี่ยวหลานถูกอันธพาลสามคนห้อมล้อมขวางทางด้วยเจตนาไม่ดี จั๋วเว่ยผิงรู้เรื่องราวแจ่มแจ้ง ต่อมาโจวเฉิงและคังเหว่ยแจ้งความว่าจางเสเพลลักขโมยเงินหลวง จางเสเพลเอาแต่โวยวายว่าโจวและคังทั้งสองนั้นใช้อำนาจรัฐชำระแค้นส่วนตัว พูดว่า ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ ไม่น่าพิสมัยอย่างไรบ้าง จนเคยทำให้จั๋วเว่ยผิงเกิดความคลางแคลงใจ
เมื่อผู้กำกับการเหลียงประจำสถานีตำรวจเขตอันชิ่งสรุปประเด็นสำคัญให้กับคดีแล้ว จั๋วเว่ยผิงจึงไม่ได้สืบสวนลงลึกอีก
ปรากฏว่าเดือนก่อนเธอได้ย้ายกลับมายังหน่วยรักษาความปลอดภัยซางตู และตอนนี้ก็ได้พบเซี่ยเสี่ยวหลานในสถานีตำรวจอีกครั้ง จั๋วเว่ยผิงหันศีรษะมองสี่ทิศตามสัญชาตญาณ ไม่พบโจวเฉิง แต่พบคังเหว่ย
จั๋วเว่ยผิงคิดในใจ นี่คือหญิงงามล่มเมืองที่คนโบราณกล่าวไว้สินะ!
เซี่ยเสี่ยวหลานมี ‘ผลงานที่สำเร็จอันน่าประทับใจ’ อยู่ที่เขตอันชิ่งก็ช่วยสถานีตำรวจบรรลุเป้าหมายการปราบปรามจำนวนสี่ราย จั๋วเว่ยผิงคาดการณ์อย่างลำเอียงว่ากลุ่มแนวร่วมป้องกันพวกนั้นอาจเห็นว่าเซี่ยเสี่ยวหลานหน้าตาสะสวยจริงๆ และต้องการเอาเปรียบเธอ
เคยคิดที่ไหนกันว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะเป็นคนใจเพชร ทั้งยังมีคนคอยช่วยเหลือ พวกแนวร่วมป้องกันกลับโดนซ้อมยกใหญ่แทน
เซี่ยเสี่ยวหลานจำจั๋วเว่ยผิงได้เช่นกัน ตอนนั้นตำรวจหญิงผู้นี้ตั้งใจปลอบโยนเธอ เป็นคนอัธยาศัยดีคนหนึ่งเลยทีเดียว
จั๋วเว่ยผิงน้ำเสียงอ่อนละมุนขึ้นอย่างที่คิดไว้ “เธอน่ะโชคร้ายพอแล้ว ไม่ต้องกังวลนะ เล่าเรื่องราวให้ละเอียด สถานีตำรวจไม่มีทางปรักปรำผู้บริสุทธิ์หรอก”
เส้ากวงหรงคิดในใจ นึกว่าจะโดนบังคับสารภาพเสียอีก เอาเข้าจริงคือตำรวจในสถานีสุภาพกันทุกคน
ช่างแปลกประหลาดจริง เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เพียงแต่ดึงดูดโจวเฉิงจนหลงใหลหัวปักหัวปำ ทว่าพิฆาตทั้งชายหญิงเลยทีเดียว… น้ำเสียงอ่อนโยนของตำรวจหญิงคนนั้น ราวกับว่าหากพูดเสียงดังจะทำเซี่ยเสี่ยวหลานตกใจ
คนขับรถเห็นว่าความสนใจของทุกคนไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้ จึงข่มเสียงเบาพลางกล่าวกับใครบางคน
“คุณอย่ากังวล เมื่อครู่ผมได้ส่งคนไปแจ้งเลขาโหวแล้ว”
เชิงอรรถ
[1] กวงหรง (光荣) หมายถึง มีเกียรติ ประโยคนี้ตำรวจจึงพูดเชิงตำหนิเส้ากวงหรงว่าทำแบบนี้แล้วยังคิดว่ามีเกียรติสมชื่อได้อีกหรือ