ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 183
ตอนที่ 183 กับดัก
หยางฟางรับรู้ได้ว่าร่างกายของเขาแก่ลงอย่างมากหลังจากใช้วิชาต้องห้ามเทพอสูรไปอายุขัยของเขาสั้นลงหลายสิบปี ส่วนจางหวินเฟิงนั้นแก่มากแล้ว ผลข้างเคียงของวิชาต้องห้ามจึงมากกว่า เห็นได้ชัดเจนว่าจางหวินเฟิงแก่ลงอย่างมาก
“ฮ่าๆ ข้าฝึกร่างเทพกายาอมตะ ถ้าหากเป็นเรื่องการรักษา ข้าน่ะเก่งที่สุดอยู่แล้ว” จางหวินเฟิงกล่าวยิ้มๆ“ก่อนตายข้าสามารถรักษาความแข็งแกร่งให้อยู่ในจุดสูงสุดได้ ถึงแม้ข้าจะไม่ลงมือตอนนี้ข้าก็คงอยู่ได้อีกเพียงสองสามปีเท่านั้นถ้าข้ายังมีชีวิตอยู่ข้าควรจะทําอะไรให้มากกว่านี้หากเป็นเรื่องการสังหารราชาอสูรข้าเทียบได้กับเทพอสูรมหาสุริยัน 10-20 คนเลยด้วยซ้ํา”
สองถึงสามปี เพิ่งชวนใจสั่นสะท้านเมื่อได้ยินดังนั้น เมิ่งชวนนั้นยังเยาว์วัย ถึงเขาจะไม่ได้ฝึกระบบการฝึกฝนร่างกายแต่เขาก็สามารถฟื้นฟูตัวเองได้โดยสมบูรณ์ภายในเวลาไม่กี่เดือนหลังจากใช้วิชาต้องห้ามเทพอสูรและในตอนนี้เมื่อเขาได้กายาเพชระมาแล้วเขาสามารถฟื้นฟูจากผลข้างเคียงได้ในเวลาไม่กี่ชั่วยาม
แต่ว่าจางหวินเฟิงนั้นแก่มากแล้ว ทุกครั้งที่ใช้วิชาต้องห้ามเทพอสูร อายุขัยก็จะลดลงไป เพื่อที่จะสังหารเจ้าวังเฮ่ยนุ่ยได้ เขาได้ใช้วิชาต้องห้ามเทพอสูรเป็นเวลานานเกินไป
“ไปกันเถอะ หากข้าไปด้วยอาจมีเทพอสูรตายน้อยกว่าเดิม” จางหวินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขอรับ” เมื่อได้เห็นแววตาที่มุ่งมั่นของจางหวินเฟิง เพิ่งชวนก็ไม่กล่าวอะไรต่อไป “ไปกันเถอะ”
ฟุบๆ!
ร่างของทั้งสองเปลี่ยนเป็นสายฟ้าและพุ่งขึ้นไปทางเหนือ
หยางฟางและเจ้าสํานักฉางมองดูพวกเขาจากไป
“มนุษยชาติมีเทพอสูรจํานวนมากที่ยอมสละชีวิตของตนเช่นศิษย์พี่จาง” เจ้าสํานักฉางกล่าว “ข้าเชื่อว่ามนุษย์.. จะชนะสงครามระหว่างอสูรได้เป็นแน่!”
หยางฟางพยักหน้า “แน่นอนอยู่แล้ว”
เหลือหยางฟางที่อยู่ที่เมืองหลวงรัฐเจียง เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้วก็มีผู้คนเจ็ดกว่าล้านที่อาศัยอยู่ที่นี่พวกเขาต้องรักษากําลังให้มากเพียงพอกับการป้องกันเมืองอันที่จริงแล้วพวกอสูรไม่กล้าจะโจมตีเมืองหลวงรัฐเจียงอีกต่อไปหลังจากเสียอสูรฟ้าระดับสี่ไปก่อนที่มนุษย์จะทิ้งเมืองด่านขนาดกลางไปโดยสิ้นเชิงอสูรในโลกมนุษย์จะมีกําลังที่จํากัด
เพิ่งชวนรีบรุดไปพร้อมกับจางหวินเฟิง เขตแดนปกคลุมทั้งคู่เอาไว้ ช่วยลดภาระของเพิ่งชวนลง
เขาเปลี่ยนเป็นสายฟ้าและพุ่งผ่านท้องฟ้าไป เมื่อเขาใช้ท่าร่างนกนางแอ่นกลางอากาศเขาก็พุ่งผ่านแม่น้ําที่เชี่ยวกรากกว้างกว่าห้าอี้ไปได้และแม้จะพาจางหวินเฟิงไปด้วยเขาก็ยังพุ่งไปได้ไกลว่าสามล้ําในการกระโดดหนึ่งครั้ง
“เร็วอะไรเช่นนี้” จางหวินเฟิงชื่นชมความเร็วของเพิ่งชวนขณะที่พาเขาไปด้วย “น้องเมิ่งเจ้ายังสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเช่นนี้ได้แม้จะพาข้ามาด้วย ในการต่อสู้กับอสูร เจ้าจะสําคัญกว่าเทพอสูรหลายคนมาก”
เพิ่งชวนยิ้มและกล่าว “มนุษย์อย่างเรามีร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษอยู่ 12 ร่าง ร่างอสูรตัดสายฟ้านั้นเด่นในด้านความเร็วของมัน หากเป็นการสู้กันตรงๆ ร่างอสูรสิบสามกระบี่วินาศและร่างเทพวัฏสงสารนั้นแข็งแกร่งกว่าข้ามาก”
ในแง่ของการระเบิดพลังแล้วนั้น ร่างเทพวิหคเพลิงยอดเยี่ยมที่สุด
แต่แน่นอนว่าในแง่ของพละกําลังโดยรวมแล้ว ร่างสิบสามกระบี่วินาศและร่างวัฏสงสารนั้นแข็งแกร่งกว่าร่างเทพอสูรอื่นๆมาก
“ไม่ต้องถ่อมตัวไปหรอก ข้าได้ยินมาว่าวิชาจากโลหะทมิฬที่เจ้าเรียนมานั้นคือวิชากระบี่ไวด้วยความเร็วของเจ้าแล้วหากฝึกฝนไปจนถึงขีดสุดเจ้าจะไร้เทียมทานเป็นแน่”จางหวินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม“ศิษย์พี่เกาเค่อที่สร้างวิชาดวงใจกระบีนั้นถือได้ว่าไร้เทียมทานในสมัยนั้นแม้จะเป็นเพียงราชั้นเทพอสูรก็ตามกระทั่งปรมาจารย์ระดับสรรค์สร้างก็ยังเทียบกับเขาไม่ได้”
“ข้าฝึกฝนมาได้ไม่นานขนาดนั้นขอรับ วิชากระบี่ของข้ายังหยาบอยู่นัก” เมิ่งชวนกล่าว เขาพึ่งจะเข้าถึงจุดสูงสุดของจิตวิญญาณกระบี่ก็เมื่อตอนที่สู้กับเจ้าวังเฮ่ยนุ่ยก็เท่านั้น ในตอนนี้เขาอยู่ห่างจากเขตแดนแห่งวิถีกระบี่เพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น
ทั้งสองคุยกันระหว่างที่รุดหน้าไปยังเมืองจางเฟิง
โอ๋? เพิ่งชวนและจางหวินเฟิงหันหน้ามองออกไปพร้อมกัน ที่ข้างนอกเมืองพวกเขาเห็นเทพอสูรกําลังไล่ตามราชาอสูรอยู่“พวกเจ้าหนีไปไหนไม่ได้หรอก!” เทพอสูรห้าคนกระโดดข้ามกําแพงและไล่ตามราชาอสูรต่อไปอย่างเต็มกําลัง ราชาอสูรสามตนหลบหนีไปพร้อมกัน แต่พวกมันไม่ได้ร้อนรนพวกมันร่วมมือกันทําให้เทพอสูรสังหารพวกมันได้ยาก
“พวกข้ายอมเลิกโจมตีเมืองนี้แล้วแต่พวกเจ้าก็ยังจะไล่ตามมาอีกรี” ราชาอสูรหนูตะโกน
“ไล่ตามพวกข้าต่อไปสิ! พวกข้ามีสหายจํานวนมากกําลังรออยู่ที่จุดนัดพบ พวกเราจะจับพวกเจ้าจนหมดในเวลาไม่นานแน่”ราชาอสูรหมีกล่าว
อสูรดอกไม้ติดอยู่กับร่างของราชาอสูรหมีและปล่อยละอองเกสรออกมาให้กระจายไปทั่ว
“พวกเจ้าคิดหนี้หลังจากสังหารคนไปเป็นหมื่นรึ?” เทพอสูรห้าคนเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้นไม่ยอมปล่อยให้ราชาอสูรหนีไป
ทันใดนั้นเองก็มีสายฟ้าฟาดลงมาจากท้องฟ้า มันพุ่งเข้าใส่ข้างๆราชาอสูรหนูโดยตรง
“นั่นมัน!” ราชาอสูรหนูตื่นตระหนกเมื่อเห็นสายฟ้าพุ่งลงมา มันเห็นร่างสองร่างข้างในนั้น ชายหนุ่มชุดสีดําและชายชราผมสีขาว
“ศิษย์พี่เพิ่ง ศิษย์พี่จาง!” เทพอสูรห้าคนที่กําลังไล่ตามราชาอสูรทั้งสามนั้นโล่งใจ แน่นอนว่าพวกเขาสามารถจําศิษย์พี่เพิ่งที่โด่งดังเช่นเดียวกันกับศิษย์พี่จางหวินเฟิงได้อยู่แล้ว
ฟุบ
ลําแสงกระบี่ตัดผ่านคอของราชาอสูรหนูไป ส่งให้หัวของมันปลิวกระเด็นออกไปตายคาที่
เขตแดนสีขาวขนาดใหญ่ปกคลุมร่างของราชาอสูณหมีและอสูรดอกไม้ เส้นด้ายสีขาวจํานวนนับไม่ถ้วนทะลวงร่างของราชาอสูรหมีและดอกไม้ สังหารพวกมันไปในพริบตา
“ไปกันเถอะ” จางหวินเฟิงกล่าว
เพิ่งชวนพยักหน้า ทั้งคู่เปลี่ยนเป็นสายฟ้าและพุ่งตรงไปยังเมืองจางเฟิงอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้
“ขอบคุณศิษย์พี่มาก” เทพอสูรทั้งห้ารู้สึกยินดียิ่ง ภายใต้สถานการณ์ปกติการจะสังหารราชาอสูรได้ตัวหรือสองตัวนั้นก็ยอดเยี่ยมมากแล้วยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่กล้าจะออกไปไกลนักเพราะยังต้องป้องกันเมืองเพิ่งชวนและจางหวินเฟิงที่สังหาราชาอสูรทั้งสามตนนั้นไปถือได้ว่าเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระอย่างมาก
เมืองจางเฟิง
ราชาอสูรงยังคงขดตัวเช่นเดียวกันกับหมอกสีดําที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณและทะลวงเข้าไปในอุโมงค์คนในอุโมงค์เหล่านั้นกรีดร้องด้วยความสิ้นหวังก่อนจะเงียบเสียงไป
นั่นทําให้เทพอสูรทั้งหกคนที่ยืนอยู่ไกลๆต้องรู้สึกเสียใจและโกรธแค้น พวกเขาได้แต่มองดูราชาอสูรสังหารมนุษย์ไปโดยที่ทําอะไรไม่ได้
“ทําไมราชาอสูรงตัวนี้ถึงแข็งแกร่งเช่นนี้กัน?”
“กระทั่งเทพอสูรมหาสุริยันก็ยังรับมือพลังศักดิ์สิทธิ์ของมันไม่ได้”
เทพอสูรเหล่านี้รู้สึกกังวลมาก เมืองจางเฟิงมีประชากรกว่า 1.2 ล้านคน พวกเขาจะยอมแพ้ไม่ได้ง่ายๆ
ภายในเขตแดนหมอกสีดํานั้นเอง
“นายท่าน” ราชาอสูรงกล่าวผ่านกระแสจิตด้วยความเคารพ “พวกเราจะสังหารมนุษย์ธรรมดาต่อไปเช่นนี้ขอรับ?”
“สังหารต่อไป ด้วยเขตแดนของเจ้า ภายในครึ่งชั่วยามเจ้าก็สังหารประชากรในเมืองนี้ได้จนหมดตอนนี้ยังพึ่งเริ่มต้น พวกมนุษย์คงจะส่งเทพอสูรที่ทรงพลังมาเพื่อเสริมกําลังให้เมืองนี้เพิ่มเป็นแน่”ร่างหนึ่งโผล่จากดิน ขึ้นมาข้างๆราชาอสูรง มันสูงเพียงหนึ่งจังเท่านั้นและร่างของมันก็เต็มไปด้วยเปลือกสีดํามันมีเขางออุ้มสองข้างบนหัวพร้อมกับหางแมงป่อง
“ขอรับ” ราชาอสูรงตอบรับ ราชาอสูรงนั้นเป็นเพียงราชาอสูรหัวกะทิระดับสามที่แข็งแกร่งในเขตแดนเท่านั้น!พลังศักดิ์สิทธิ์หมอกพิษอะไรนั่นก็เป็นเพียงหมอกพิษธรรมดาเท่านั้นอันที่จริงแล้วเป้าหมายหลักของมันคือการซ่อนเร้น! หมอกพิษคอยซ่อนสิ่งที่สังหารเทพอสูรที่แข็งแกร่งไปมากมายนั่นก็คือราชาอสูรระดับสี่ราชาอสูรระ ดับสูงจวงปู่
“เฟิงโหวเทพอสูรกําลังป้องกันเมืองด่านขนาดกลางนี่เป็นโอกาสอันดีที่จะได้สังหารเทพอสูรมหาสุริยันและที่อ่อนแอกว่าหากพวกเราพลาดโอกาสนี้ไปเฟิงโหวเทพอสูรจะป้องกันโลกทั้งใบหลังจากนี้ไม่มีทางที่จะสังหารเทพอสูรได้หากเป็นเช่นนั้น”ราชาอสูรจวงปู่มีรูปร่างที่ดูน่าเกรงขามและเรียกได้ว่าน่าดึงดูดในหมู่อสูรเพราะไม่ว่าอย่างไรแล้ว มันก็เป็นราชาอสูรระดับสี่และเป็นหนึ่งในอสูรตระกูลจวง
ตระกูลจวงนั้นเป็นตระกูลของสายเลือดปราชญ์อสูรแมงป่อง
“พวกเราต้องใช้โอกาสนี้สังหารพวกมันให้หมด” ราชาอสูรระดับสี่จวงปู่ยิ้ม“เจ้าวังเฮ่ยฉัยโจมตีเมืองหลวงรัฐเจียงและคอยเบี่ยงเบนความสนใจไปส่วนข้า ข้าจะรออยู่เงียบๆในเมืองจางเฟิงและกําลังเสริมทั้งหมดจะถูกสังหารเทพอสูรที่มาเสริมให้เมืองนี้จะเป็นพวกระดับสูงอย่างแน่นอน”
“นายท่านช่างหลักแหลมเหลือเกินขอรับ” ราชา
ราชาอสูรจวงสู่พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันมองออกไปไกล “มีเทพอสูรมาอีกแล้ว!”
มีสายฟ้าพุ่งผ่านมาแต่ไกล สามารถเห็นร่างสองร่างข้างในนั้นได้
“นั่นเทพอสูรที่แข็งแกร่ง” จวงผู้ตาเป็นประกายยิ่งมันได้แต้มมากเท่าไหร่ มันก็จะได้รางวัลจากอสูรมากขึ้นเท่านั้นการแข่งขันภายในตระกูลจวงนั้นหนักมากแม่โลกมนุษย์จะอันตรายแต่หากมาที่นี่ก็จะหาแต้มได้ง่ายขึ้น
เส้นสายฟ้าพุ่งผ่านอากาศและลงไปในเมืองจางเฟิง ทั้งคู่ลงไปอยู่ข้างๆเทพอสูรทั้งหก
เมื่อได้เห็นชายหนุ่มชุดดําและชายชราผมขาว เทพอสูรทั้งหกก็ทําความเคารพ “ศิษย์พี่จาง ศิษย์พี่เพิ่ง”
เพียงห้านาที เพิ่งชวนและจางหวินเฟิงก็มาถึงเมืองจางเฟิงซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงรัฐเจียง 800 ลี้ระหว่างทางพวกเขาสังหารราชาอสูรไปหาตนและอสูรฟ้าอีกหนึ่งคน
“เกิดอะไรขึ้น?” เมิ่งชวนและจางหวินเฟิงไม่รีบร้อนพวกเขากลับถามสถานการณ์ระหว่างเฝ้าดูราชาอสูรสามตนข้างในหมอกไปด้วยราชาอสูรงนั้นดูเด่นสะดุดตามากที่สุด