NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 1409 บทสุดท้าย
“เฮ้อ พูดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว นายเข้าไปคำนับไหว้เซียนผู้ยิ่งใหญ่หน่อยเถอะ ไป๋เห้อเขาอารมณ์ไม่ค่อยดี ที่เขาพูดนายก็ไม่ต้องเก็บไปคิดมาก”
เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว พูดไปก็ไม่ช่วยอะไร ส้าวส้วยตบไปที่บ่าของหลี่ฝาง ทำทีให้เขายอมรับความจริง
หลี่ฝางกัดริมฝีปากล่างแน่น รู้สึกแสบจมูก ลำคอเหมือนมีก้างปลาขัดอยู่ รู้สึกแย่เอามากๆ
“เซียนผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดรับการคารวะจากผู้น้อยด้วย ความเมตตาและบุญคุณที่ท่านมีต่อผม ผมหลี่ฝางจะไม่ลืมไปชั่วชีวิต”
หลี่ฝางสงบสติอารมณ์ตัวเอง แล้วก็มายังหน้าที่เซ่นไหว้ของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ คุกเข่าลงดังปั้ก และโขกหัวตึ้งตึ้งตึ้งสามครั้ง
ตั้งแต่เล็กจนโตคนที่หลี่ฝางคุกเข่าคำนับยังใช้นิ้วนับได้ ต่างพูดกันว่าใต้เข่าของลูกผู้ชายมีทองคำ ลูกผู้ชายจะไม่เสียน้ำตาง่ายๆ
ในวันนี้เขาทำเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว นั่นเพราะว่าเซียนผู้ยิ่งใหญ่มีค่าคุณสมบัติที่เขาสามารถก้มกราบได้
“เหอะ ตอนนี้คนก็ไม่อยู่แล้ว นายจะพูดเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ไปทำไม นายก็บรรลุเป้าหมายแล้ว ดังนั้นรบกวนนายพาลูกน้องของนายรีบออกไปเถอะ ที่นี่พวกเราไม่ต้อนรับนาย”
ไป๋เห้อที่อยู่ด้านข้างมองหลี่ฝางคำนับกราบอย่างเย็นชา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความดูถูก ในสายตาเขา ท่าทีแบบนี้ของหลี่ฝาง มันดูจอมปลอมมากๆ
“ไป๋เห้อ ฉันรู้ว่าตอนนี้ไม่ว่าฉันจะทำอะไรนายก็จะรู้สึกว่าฉันเสแสร้ง และปลอมสุดๆ แต่ฉันนั้นรู้สึกขอบคุณเซียนผู้ยิ่งใหญ่ด้วยใจจริง และก็คำนับท่านด้วยใจจริง ที่เซียนผู้ยิ่งใหญ่จากไปพวกเราก็ต่างรู้สึกแย่ แต่คนก็เสียไปแล้ว พวกเรามียังมีชีวิตอยู่ต้องมองไปข้างหน้า นายก็อย่าเสียใจจนเกินไปนะ”
หลี่ฝางรู้ว่าตอนนี้ไป๋เห้อเสียใจจนขึ้นสมอง แน่นอนว่ามองตนอะไรก็ไม่พอใจไปหมด และก็ไม่ได้เผชิญหน้ากับไป๋เห้อต่อ หลังจากคุกเข่าคำนับเซียนผู้ยิ่งใหญ่ เขาก็หันไปปลอบไป๋เห้ออย่างหวังดี
“นายไม่ต้องมาเสแสร้งตรงนี้ ตอนนี้ในใจนายคงดีใจแทบบ้าสิ ตอนนี้นายก็สามารถไปพาพ่อนายกลับมาได้แล้ว” ไป๋เห้อมองหลี่ฝางพลางหัวเราะเหอะ ไม่ยอมรับคำปลอบโยนจากหลี่ฝางสักนิด
หลี่ฝางกำหมัดแน่น รู้ว่าเขาจงใจพูดแทงใจดำตน จึงไม่ได้คิดจะเผชิญหน้ากับเขาต่อ
ในขณะนั้น จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ต่อมาก็มีบรรยากาศเหมือนตอนที่หลี่ต๋าคางถูกพาตัวไป บนท้องฟ้าจู่ๆ ก็มีลำแสงสีทองสองเส้นส่องลงมาทันใด
สองคนนั้นที่คราวก่อนพาตัวหลี่ต๋าคางไปก็เดินออกมาจากลำแสงสีทอง เห็นพวกเขามองไปรอบๆ จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องโถงไว้ทุกข์ราวกับที่นี่ไม่มีคน
“พวกนายเป็นใคร!ถึงกลับกล้าบุกเข้ามาในแดนภูเขาหลินของพวกเรา!”
ต่อหน้าคนแปลกหน้าที่จู่ๆ ก็มาเยือน ไป๋เห้อก็เพิ่มการระวังของเขาทันที และลุกพรวดขึ้นจากพื้น ขวางหน้าพวกเขาพลางถามด้วยสีหน้าป้องกัน
หนึ่งในนั้นเหลือบมองไป๋เห้อ ไม่พูดอะไรสักคำ ก็สะบัดแขนเสื้อของตน พลังที่แข็งแกร่งก็พุ่งเข้าโจมตีไป๋เห้อ
จากพละกำลังของไป๋เห้อ ก็ไม่มีทางที่จะหลบการโจมตีนี้ได้ ดีที่หลี่ฝางลงมือรวดเร็ว บินเข้ามาขวางด้านหน้าไป๋เห้อเอาไว้ และยื่นมือออกไปปะทะกับพลังแรงนี้
การปะทะกันของทั้งสองพลังทำให้เกิดลมกระโชกแรง พัดทำเอาคนอื่นๆ ลืมตาแทบไม่ขึ้น ชายผมยาวประบ่าอีกคนเห็นหลี่ฝางรับมือกระบวนท่านี้ ทันใดนั้นตาก็เป็นประกายขึ้นมา
“โห คิดไม่ถึงเวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือนที่ไม่เจอ นายถึงกับมีพลังเพิ่มขึ้นถึงขั้นนี้ มีความสามารถไม่เลวนี่”
“พ่อฉันอยู่ที่ไหน?” หลี่ฝางจ้องตาชายผมยาวอย่างเย็นชา พลางถาม
“พ่อนาย? แน่นอนว่าเขาอยู่ในที่ที่ควรอยู่ เห็นที่ว่าเจ้าสิ่งที่อยู่ในตัวนายนั้นสลายสิ้นไปหมดแล้ว ดีเลย วันนี้ก็พานายติดไปด้วยเลยแล้วกัน”
ชายผมยาวมองสำรวจหลี่ฝาง แป๊บเดียวก็มองสถานการณ์ของหลี่ฝางได้ทะลุปรุโปร่ง
วันนี้ที่พวกเขามาภูเขาหลิน ที่จริงแล้วหลังจากได้ข่าวการตายของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ก็เตรียมมาคารวะ คิดไม่ถึงว่ากลับเจอหลี่ฝาง แบบนั้นก็ประหยัดเวลาพวกเขาไปได้รอบนึง นำคนกลับไปเลยก็โอเคแล้ว
หลี่ฝางได้ยินว่าเขาจะพาตนไป ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เดิมทีเขาก็จะไปหาหลี่ต๋าคาง ถึงแม้พวกเขาจะไม่มา ยังไงเขาก็จะไปหาพวกเขายังอีกโลกอยู่ดี
หลังจากพวกเขาเคารพศพเซียนผู้ยิ่งใหญ่เสร็จ หลี่ฝางก็ตามพวกเขาจากไป
หลี่ฝางไปครั้งนี้ ก็ผ่านไปห้าปีเต็มๆ แล้ว ในระยะเวลาห้าปีนี้ เสี่ยวผิงอันก็โตขึ้นเป็นเด็กน้อยแล้ว ส่วนฉินวี่เฟยหลังจากที่หลี่ฝางเดินทางไปภูเขาหลินหนึ่งเดือนก็ไปตรวจพบว่าตั้งครรภ์ แถมยังคลอดลูกสาวที่น่ารักมากๆ ให้หลี่ฝางด้วย
ร่างกายของเมี๋ยวชุ่ยก็ค่อยๆ กลับมาแข็งแรง ทุกๆ วันก็คอยดูแลเด็กๆ พูดคุยเรื่องประจำวันกับลูกสะใภ้ทั้งสองฉินวี่เฟยกับหยางฉง ชีวิตก็นับได้ว่าสงบสุข ทุกคนต่างหาที่พึ่งพิงของตัวเองเจอ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
ฤดูใบไม้ผลิปีที่ห้า หยางฉงกับฉินวี่เฟยยืนอยู่บนชายหาดที่หลี่ฝางขอพวกเธอแต่งงาน พลางมองไปที่ผิวน้ำทะเลที่สะท้อนเป็นประกาย หยางฉงถามขึ้นอย่างเศร้าๆ
“พี่วี่เฟย พี่ว่าพี่หลี่ฝางจะกลับมาได้มั้ย? นี่ก็ปีที่ห้าแล้ว เขาคงไม่ได้ลืมพวกเราแล้วหรอกนะ?”
ที่จริงแล้วคำถามนี้ดูเหมือนว่าเธอจะถามทุกปี คำตอบที่ฉินวี่เฟยตอบเธอทุกครั้งก็คือแน่นอนสิ
แต่เวลาได้ล่วงไป จนแม้แต่ฉินวี่เฟยก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาแล้ว
ห้าปีแล้ว หลี่ฝางเขาจะลืมภรรยากับลูก และครอบครัวในโลกนี้ไปแล้วจริงๆ มั้ยนะ?
“เสี่ยวฉง พวกเราต้องเชื่อในตัวเขา เขาบอกว่าจะกลับมา เขาก็ต้องกลับมา”
ฉินวี่เฟยมองผิวน้ำทะเลอยู่นาน จากนั้นก็ค่อยๆ พูด หยางฉงจับมือฉินวี่เฟยขึ้นอย่างเงียบๆ จากนั้นทั้งสองคนก็ตากลมทะเลกันอย่างเงียบๆ
ขณะที่พวกเธอกำลังเตรียมตัวกลับบ้าน ก็ราวกับได้รื้อฟื้นความทรงจำ บนท้องฟ้ามีดอกไม้ไฟที่สวยงามปรากฏขึ้นมากมายอีกครั้ง
ทันใดนั้นฉินวี่เฟยกับหยางฉงก็น้ำตาไหล ขณะที่น้ำตาไหลคลอ พวกเธอก็ได้เห็นหลี่ฝางที่เฝ้าคิดถึงทั้งวันทั้งคืนค่อยๆ เดินตรงเข้ามาหาพวกเธอ
และเช่นเดียวกัน เมี๋ยวชุ่ยที่กำลังเล่นกับหลานอยู่ในบ้านพักตากอากาศ ก็ได้พบกับสามีที่เธอคิดถึงอยู่ตลอดมา