ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 446 ท่านชายยี่ เป็นคนสติไม่ดี
ฉินหว่านฉิงคิดจะเงยหน้า กลับถูกสามีของตนกดเอาไว้แน่น
เมื่อนานแล้ว ท่ายชายคนนี้ก็เคยแสดงออกว่าไม่ชอบฉินหว่านฉิงเป็นอย่างมาก วันนี้ให้ตนกับฉินหว่านฉิงมาได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
ถ้าหากฉินหว่านฉิงคิดได้ล่วงเกินท่านชายคนนี้เข้า เช่นนั้นทุกอย่างที่ตัวเองชนะมาได้ก็จะสูญสลายไปทันที นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากจะเห็น
เพราะฉะนั้น ตอนนี้จะต้องอยู่เฉย ๆ อย่าได้หาเหาใส่หัวอย่างเด็ดขาด
ในใจของฉินหว่านฉิงเองก็โมโหไม่น้อย
และเธอยิ่งโมโหเป็นฟืนเป็นไฟในเวลาต่อมา
“ทำไมพวกกสองคนยังอยู่ที่นี่อีก?”
ท่านชายยี่กล่าวอย่างเกียจคร้าน “ก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า ฉันเกลียดผู้หญิงคนนี้มาก กลิ่นบนตัวของหล่อนทำให้ฉันอยากจะอ้วก รีบพาหล่อนไปเลยนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะจัดการพวกแกซะ”
คราวนี้ ชายสูงวัยไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว จับแขนฉินหว่านฉิงและเตรียมจะจากไป ส่วนฉินหว่านฉิงเองก็เดือดเป็นฟืนเป็นไฟ จึงเอ่ยขึ้นมาทันที: “เพราะอะไรล่ะ? ทำไมหล่อนอยู่ที่นี่ได้ ฉันอยู่ไม่ได้ล่ะ?!”
พึ่งพูดจบ เธอก็รู้สึกเสียใจที่พูดแบบนั้นออกไป ผลเป็นอย่างที่คิดไว้ สีหน้าของท่านชายยี่ในตอนนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
เขาโกรธมาก
“หล่อนกำลังถามฉันว่าเพราะอะไรงั้นเหรอ?”
ท่านชายยี่คร้านแม้แต่จะเข้าใกล้ หรือพูดได้ว่าเขาไม่อยากแม้แต่จะเข้าใกล้ฉินหว่านฉิง ผู้หญิงคนนี้น่าขยะแขยงมากจริง ๆ เพราะถูกคนหลายคนขึ้นขี่มาแบบนั้นจะไม่น่าขยะแขยงได้ยังไง?
“ที่นี่คือที่ของฉัน ฉันจะให้ใครไสหัวไปก็ได้ นี่หล่อนกำลังซักไซ้ฉัน งั้นเหรอ?”
ท่านชายยี่ถามอย่างไม่ร้อนไม่หนาว
ฉินหว่านฉิงเหงื่อไหลพลั่กขึ้นมาทันที
เธอไม่ใช่คนโง่ เพราะความโมโหเมื่อสักครู่ถึงได้พูดออกมาแบบนั้น ตอนนี้พอคิดดูแล้ว ไม่ควรพูดออกไปแบบนั้นจริง ๆ
แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
เธอได้แต่คุกเข่าลงกับพื้น และกล่าวขอร้องอ้อนวอน: “ท่านชาย ก่อนหน้านี้เป็นคนที่สมองเลอะเลือนทำอะไรโดยไม่คิด หวังว่าท่านชายมีฐานะสูงส่งจะไม่เอาความคนต่ำต้อยอย่างฉัน ปล่อยฉันไปสักครั้ง เห็นแก่ที่ฉันได้มอบของสวยงามเพริศพริ้งนี้ให้ท่าน ครั้งนี้ยกโทษให้ฉันเถอะนะ”
“เหอะ ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะจุดนี้ ป่านนี้หล่อนคงตายไปแล้ว”
ท่านชายยี่หัวเราหัวเราะอย่างเย็นชา และกล่าวขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน: “ไสหัวไป!”
“เดี๋ยวก่อน ช่างเถอะ หล่อนอยู่ก่อนแล้วกัน เพราะอีกเดี๋ยวอาจจำเป็นต้องใช้หล่อน แต่ว่ายืนอยู่ห่าง ๆ ฉันหน่อย ฉันไม่อยากจะได้กลิ่นไม่พึงประสงค์จากตัวหล่อนหรอกนะ”
ท่านชายยี่โบกมือ แม้ว่าไฟโมโหจะลุกโชนอยู่ในใจของฉินหว่านฉิง แต่ก็มีสีหน้าท่าทีเชื่อฟังคำสั่งถอยหลังออกไป และยังต้องกล่าวขอบคุณอยู่ไม่หยุด
ส่วนท่านชายยี่นั้นก็ได้เดินเข้ามาที่ด้านหน้าฉินปิงหลัน จากนั้นก็เชยคางของเธอขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็ต้องรู้สึกเหมือนกับโดนไฟช็อต
“สวย สวยมากจริง ๆ อีกอย่างออร่าแบบนี้ ถึงแม้จะเคยมีลูกมาแล้ว กลับให้ผมรู้สึกเคลิบเคลิ้มหลงใหล
“เบบี๋ วินาทีนี้ ผมพบว่าผมห้ามความรู้สึกของตัวเองไว้ไม่ได้ เหมือนว่าผมได้ตกหลุมรักคุณเข้าให้แล้ว
หมอนี่เริ่มพูดมากขึ้นมา ส่วนคนอื่นที่อยู่ด้านหลังต่างก็ยักไหล่
ปกติแล้วท่านชายยี่ของพวกเขาก็โรคจิตมากจริง ๆ ถ้าหากไม่ใช่เวลาปกติ ก็ยิ่งวิปริตไปอีก
ยกตัวอย่างเช่นในตอนนี้
เขาท่านชายยี่ ทั่วทั้งประเทศต้าถังเขานับว่ามีตัวตนอยู่เหมือนดั่งเป็นครึ่งคุณชายรัชทายาท ในวันนี้กลับได้สารภาพรักออกมา ทำให้ทุกคนไม่อาจจินตนาการได้
ทว่าท่านชายกลับสามารถทำมันได้ เขาจ้องมองฉินปิงหลันอย่างลุ่มหลง และกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน: “เบบี๋ ฉินปิงหลันเบบี๋ของผม เร็ว เรียกที่รักให้ฟังหน่วย”
“……”
ฉินปิงหลันพลันมองเขาด้วยสายตาที่ใช้มองคนสติไม่ดี
ถ้าบอกว่าหมอนี่เป็นคนปกติดีละก็ ฉินปิงหลันคงไม่มีทางเชื่อ
แต่ถ้าจะให้บอกว่าหมอนี่ป่วยเป็นโรคอะไร ในเวลานี้ฉินปิงหลันไม่รู้จะพูดอะไรเลยจริง ๆ จึงได้แต่มองคนคนนี้อยู่เงียบ ๆ
และนี่ก็ได้ทำให้หัวใจของท่านชายยี่แตกสลายโดยไม่ต้องสงสัย
“ปิงหลันสุดที่รัก คุณมองผมแบบนี้ได้ยังไง สายตามองคนแปลกหน้าแบบนี้ผมจะดีใจมากถ้าคุณใช้มองคนอื่นแต่ทำไมคุณต้องใช้มองผมด้วยล่ะ?!”
“คุณรู้ไหม แบบนี้จะทำให้ผมผัวของเธอเสียใจมากเลยนะ”
“……”
ฉินปิงหลันต้องพูดไม่ออกอีกครั้ง ผ่านไปครึ่งค่อนวันถึงเรียงคำพูดได้——
“ถ้าสมองคุณมีปัญหาละก็ฉันแนะนำให้คุณรีบไปรักษาซะ แน่นอน ตอนนี้ฉันคิดว่ามันสายไปแล้ว ไม่สู้เอาหัวไปหาอะไรชนให้ตายดีกว่านะ”
เมื่อประโยคนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนก็ต้องตกตะลึง
บอดี้การ์ด และผู้ติดตามพวกนั้นต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป
“เธอกล้าว่าให้ท่านชายของพวกเราแบบนี้ได้ยังไง เธอรนหาที่ตายเหรอ?!”
“ปัง!”
ท่านชายยี่เหยี่ยวไกปืนยิงออกไปหนึ่งนัด บอดี้การ์ดที่พูดแทนเขาคนนั้นล้มลงไปนอนอยู่บนกองเลือดในทันที และไม่มีลมหายใจอยู่อีกเลย
ฉินปิงหลันเบิกตาโต
หมอนี่เป็นคนสติไม่ดีจริง ๆ ไม่สามารถให้หลักการปกติมาประเมินได้เลย
ส่วนท่านชายยี่นั้นก็ได้แกล้งทำเป็นกลัวขึ้นมา คิดจะถือโอกาสนี้แตะเนื้อต้องตัวฉินปิงหลัน แต่กลับได้ถูกฉินปิงหลันหลบไปได้
คนสติไม่ดีคนนี้ เธอไม่อยากเข้าใกล้เขาเลยจริง ๆ แม้แต่เข้าใกล้เพียงน้อยนิด เธอก็รู้สึกยากที่จะฝืนทนได้
ไม่เพียงแค่เธอ ฉินหว่านฉิงเองในเวลานี้ก็มีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
หล่อนรู้ว่าท่านชายยี่ค่อนข้างวิกลจริต แต่นี่มันชักจะเกินไปแล้วจริง
และฉินปิงหลันได้ตระหนักถึงเรื่องยิ่งกว่า ต่อกรกับคนเช่นนี้ คงไม่สามารถใช้วิธีปกติได้ เธอทำได้เพียงกล่าวอย่างนุ่มนวล: “เอาแบบนี้ คุณหาที่นั่งพักก่อน รอฉันอาบน้ำเสร็จฉันจะมาหาคุณ”
เธอต้องการยืดเยื้อเวลา รอการมาของเฉินอี
ส่วนท่านชายยี่กลับคิดไม่ถึงตรงจุดนี้ ในสายตาของเขา ผู้หญิงที่ตัวเองต้องการแค่กวักมือเรียกก็เข้ามาหาเขาแล้ว ดังนั้นเมื่อท่านชายยี่ได้ยินที่ฉินหลันพูด ก็พลันยิ้มอย่างพอใจขึ้นมาทันที
“โอเค งั้นจุ๊บ ๆ ที่รัก ผมขึ้นไปรอคุณข้างบนนะ”
พูดไปเขาก็เตรียมที่จะขึ้นไปอาบน้ำที่ชั้นบน เพราะผู้หญิงที่สุดยอดแบบนี้หาได้ยากมาก ไม่เพียงแค่หน้าตาสะสวยงดงาม แถมยังเป็นผู้หญิงแกร่ง และยังเป็นแม่คนหนึ่งอีกด้วย ผู้หญิงชั้นยอดแบบนี้เขาตามหามานานหลายปีก็หาไม่เจอ
และในเวลานี้เอง ฉินหว่านฉิงก็ได้เอ่ยขึ้นมา: “ท่านชายฉิน ท่านอย่าได้ถูกหล่อนหลอกเอา หล่อนคิดจะยืดเยื้อเวลารอสามีหล่อน สามีหล่อนพอจะมีฝีมืออยู่บ้าง คือราชาแห่งเฉินอีนั่นเอง!”
คราวนี้ ทั่วทั้งพื้นที่เงียบเป็นเป่าสาก
ชายสูงวัยยิ่งได้กำหมัดแน่น
ผู้หญิงคนนี้นี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ
หล่อนไม่เห็นเหรอว่าท่านชายยี่รีบร้อนแค่ไหน? นอกจากนี้แล้วในสายตาของท่านชายยี่ เขาได้เป็นสามีของฉินปิงหลันแล้ว ตอนนี้หล่อนยังพูดถึงสามีอะไรนั่นของฉินปิงหลัน เท่ากับเป็นการยั่วโมโหท่านชายยี่หรอกเหรอ?
เขาจนได้มองเห็นภาพจุดจบอันน่าอนาถของผู้หญิงคนนี้ออกแล้ว
ไม่แน่ว่าตนอาจพลอยได้รับเคราะห์ไปด้วยก็ได้
จริงอย่างที่คิดไว้ ท่านชายยี่กำลังจะขึ้นไปชั้นบน เมื่อได้ยินคำพูดของฉินปิงหลันร่างกายของเขาก็หยุดนิ่งลง จากนั้นก็กล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น: “ดูเหมือนว่าหล่อนไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดเมื่อกี้นี้ของฉันเลย หรือว่าในสายตาของหล่อนแล้วฉันไม่มีความสำคัญอะไรเลย?”