เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน - บทที่ 452 สงครามครั้งใหญ่เปิดฉากขึ้นจริงๆ แล้ว
- Home
- All Mangas
- เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน
- บทที่ 452 สงครามครั้งใหญ่เปิดฉากขึ้นจริงๆ แล้ว
ด้านนอกบ้านพัก
“หลังจากเย่เซียวกลับมา ก็อยู่ในห้องตลอดเวลา ไม่มีอะไรผิดปกติ”
ชาย3คนอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่ง ถือกล้องส่องทางไกล มองมายังฝั่งฉินเฟิง อยากจดจ้อง นี่คืองานที่ซือหม่าเฉินมอบหมายให้กับพวกเขา ห้ามไปก้าวก่ายเรื่องทุกเรื่องของเย่เซียว
แต่ว่าสามารถขัดขวางทุกคนที่จะเข้ามาที่นี่
พวกเขาสามคนมีหน้าที่สอดแนม
ที่ด้านนอก ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง เป็นกลุ่มเล็กๆ เตรียมรับคำสั่งตลอดเวลา ว่าจะให้บุกเข้าไปเลยหรือไม่
ชายหนึ่งคนในนั้น พบว่าด้านหน้าของตนเองมียุงโผล่เข้ามาตัวหนึ่ง ก็เลยใช้มือตบยุงไป แต่ว่าตบไม่โดน ทำให้ยุงบินหนีไป ก็เลยพูดกับคนข้างๆ ว่า “กูว่าวันนี้ยุงมันเยอะกว่าวันก่อนๆ ว่ะ”
แถวนี้ยุงก็เยอะอยู่แล้ว
แต่เขารู้สึกว่า วันนี้มันเยอะผิดปกติ
“กูก็คิดเหมือนกัน ที่สำคัญคือ ยุงพวกนี้มันฉลาดขึ้น ตบพวกมันไม่โดนเลย”
“ยุงพวกนี้ กัดเจ็บ…….เหมือนกัน…..”
ชายคนนั้นเพิ่งจะพูด ตนเองก็ถูกยุงกัดเข้า กัดเจ็บปาก แต่ทันใดนั้นก็พูดคำพูดที่เหลือออกมาไม่ได้แล้ว เขาเริ่มมึน สุดท้ายก็ร่วงตกต้นไม้
“เห้ย”
สองคนนั้นก็ตกใจ เกิดอะไรขึ้น
ตกไปได้ไง
“คนข้างล่าง เกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมถึงตกลงไป ดูสิตายไหม?” พวกเขาถามอยู่ข้างบนต้นไม้
แต่ว่า ด้านล่างไม่มีคนตอบกลับมา
พวกเขาก็ตะโกนไปอีก ก็พบว่าไม่มีการตอบกลับมา ทันใดนั้นก็กดวอร์ส่งเสียง “ฮัลโหล คนทางด้านล่าง ทำอะไรอยู่ ตอบพวกเราด้วย ตอบพวกเราด้วย ตอบพวกเราด้วย”
แต่ว่า ไม่มีเสียงตอบกลับมาในวอร์เลย
“ให้ตายเถอะ ด้านล่างมันเกิดอะไรขึ้นวะ พวกเราลงไปดูกัน”
ชายสองคนค่อนข้างหัวเสีย
พวกเขามองไม่เห็นคนพวกนั้น คิดว่าคนพวกนั้นคงจะไม่หนีไป แล้วทิ้งพวกเขามาเป็นอาหารยุงที่นี่หรอกมั้ง
จากนั้น สองคนก็เตรียมจะลงจากต้นไม้
แต่พอผืนลงมาได้ครึ่งทาง ชายคนหนึ่งก็ขมวดคิ้ว “ไอ้ยุงเหี้ยพวกนี้ กัดเจ็บฉิบหาย…..กู….กูทำไม……ถึง….”
เขาก็หมดแรงเหมือนกัน มึนๆ ที่หัว
จากนั้นก็ร่วงตกต้นไม้ไป
“เห้ย มึงทำอะไรวะเนี่ย”
ชายที่เหลืออีกคน ตะโกนลงไป พบว่าไม่มีใครตอบกลับมา ในใจก็รู้สึกท่าไม่ดี เขาไม่กล้าลงไปแล้ว จากนั้นก็คิดจะปืนกลับขึ้นไป แต่ว่าตอนกำลังจะปีนขึ้นไปนั้น เขาก็พบว่าด้านหน้ามีงูตัวหนึ่ง เป็นงูหางกระดิ่ง กำลังแลบลิ้นออกมา และมองเขาอยู่
“แม่งเอ้ย งู”
ทันใดนั้น ชายคนนั้นก็ตกใจมาก
แล้วมือก็ปล่อยออกจากต้นไม้ จนตกต้นไม้ลงไป ตอนตกลงไปนั้น สีหน้าเขาขาวซีด ต้นไม้ต้นนี้สูงมาก หลายสิบเมตร ตกลงไปไม่ตายก็พิการ
แต่ว่า สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือ เขาตกลงไปใส่อะไรนิ่มๆ
ไม่ตาย
แต่ว่าเจ็บมากเหมือนกัน
“อ่าว พวกมึงเองหรือ”
พอเขาตั้งตัวได้ ก็พลิกสองคนนั้นมาดู พบว่าเป็นสองคนเมื่อครู่นี้นี่เอง แต่ว่าตอนที่พลิกมาดูนั้น สีหน้าเขาก็ซีดไป เพราะว่าหน้าตาของสองคนนั้นม่วงเขียว ลูกตาทั้งสองปูดออกมา
ถูกยาพิษ
เขามองออก
จากนั้นเขาก็อึ้งไป แต่ว่าพอเขามองไปยังรอบๆ นั้น ก็ไม่ใช่แค่อึ้งธรรมดาๆ แล้ว
เพราะว่าด้านล่าง เป็นศพนอนเกลื่อนพื้น มีศพยังพอว่า แต่บนตัวศพพวกนั้นยังมีหนอนใต่ยั้วเยี้ย กัดกินเนื้อหนัง มีทั้งตะขาบ มด หนอน มีหมด
ราวกลับเป็นงานเลี้ยงฝูงแมลง
เล่นเอาชายคนนั้นตกใจจนฉี่ราดกางเกง
“กูไม่เอาแล้ว กูไม่เล่นแล้ว”
ชายคนนั้นคิดจะหนีไป แต่ว่าในตอนนี้ เขาก็รู้สึกว่า เหมือนมีตัวอะไรมาใต่ที่ขาของของ พอมองดู ตาเขาก็เหลือก “แม่งเอ้ย ตะขาบ ปล่อยกู…….ปล่อยกูไปเถอะ”
เขาไม่ใช่จามส์
ที่จะได้จับตะขาบกระชากออกมาได้เลย
อีกอย่างจามส์ก็ตายไปแล้วเหมือนกัน
เขาเองก็ไม่ต่างกัน สุดท้ายเขาก็ร้องโอดโอย และค่อยๆ สิ้นลมหายใจไปในป่านี้เหมือนกัน และจากนั้น ฉินเฟิงก็มาปรากฏตัวออกมา แล้วจากไป
ด้านหลังก็มีชิวซือซือที่สวมชุดรัดรูปเดินตาม
จะต่อสู้ ใส่ชุดรัดรูปหน่อยถึงจะเหมาะ
แน่นอน มันสำหรับผู้หญิง
และในขณะเดียวกัน ทั้งเมืองฉางซาน ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่าพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน มีกองกำลังติดอาวุธมากมาย โผล่ออกมา จากนั้นก็เริ่มการเข่นฆ่า
เป็นการเข่นฆ่าครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ว่าจะมุ่งเป้าไปยังเหล่าตระกูลใหญ่ กองกำลังต่างๆ ไม่ได้มุ่งเป้าไปยังประชาชน
ที่หมู่บ้านหลี่เยว
เปียนตั่วตั่วอยู่บนตึก มองดูรอบๆ ที่มีคนมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ขมวดคิ้วคิดในใจ “กองกำลังมากมายจากที่ไหนกัน? เริ่มโจมตีก่อนเลย พวกเขาได้ข่าวจากกองทัพหนานเยว่เรา ว่าจะมาที่เมืองฉางซานงั้นหรือ”
“หัวหน้าครับ ไม่ต้องไปสนใจว่าจะเป็นกองกำลังไหนหรอก ไปกันเถอะ ถ้าไม่ไปจะไม่ทันแล้วนะ คนพวกนี้ไม่ธรรมดาเลย”
องครักษ์คนหนึ่ง ถอยกลับมาพร้อมกับรอยเลือดที่หน้าอก
ที่สำคัญคือมีคนมาก
อย่างน้อยก็เป็นพันคน
พวกเขามีแค่สิบกว่าคน หนึ่งต่อสิบ สู้ยังไงก็ไม่ไหว
ยิ่งกว่านั้น คนพวกนี้สู้เก่งมาก
“อย่าเพิ่งกังวล รออีกเดี๋ยว”
เปียนตั่วตั่วผายมือ เธอยังจะรออีกหน่อย
จากนั้น เปียนตั่วตั่วก็มองคนทางด้านล่าง มองไปรอบๆ พอเห็นคนหนึ่งที่ด้านนอกวงล้อม ก็ขมวดคิ้วพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้ว นี่เป็นคนของท่านชี ด้านนอกมีคนของเขาอยู่”
เธอมีทักษะที่ได้เห็นแล้วจะไม่ลืม
ดังนั้น เมื่อครู่นี้เธอก็ได้มองดูหมู่ศัตรูพวกนี้ ว่ามีใบหน้าที่คุ้นตาหรือไม่ กองกำลังส่วนใหญ่ในเมืองฉางซานนี้ เธอก็พอเห็นมาบ้าง ถ้าไม่คยเห็นก็มีรูปให้ดู
แต่ว่าคนพวกนี้ เธอล้วนไม่เคยเห็นมาก่อน
แถมยังเป็นทีมดีมาก มีวินัยมาก สู้เก่งมากด้วย
จนกระทั่งสุดท้าย เธอเห็นชายคนหนึ่งที่ด้านนอกวงล้อม เธอพบว่าเป็นคนของท่านชี
“ไปกันเถอะ ดูเหมือนว่า เทพสงครามคนนี้จะทำเอาท่านชีแปรพักตร์ไปแล้ว ยอมช่วยพวกมันไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปรับปากอะไรกันไว้ ถึงได้ยอมเอากองกำลังเก่งๆ แบบนี้ออกมา คนพวกนี้ ไม่ได้มีเพียงเท่านี้แน่ ทั้งเมืองฉางซานกำลังวุ่นวายกันหมด ต่อให้เป็นเหลียงเชื่อเอง ตอนนี้ก็คงกำลังหนีเหมือนกัน พวกเราดูถูกท่านชีคนนี้ไปแล้ว”
เปียนตั่วตั่วสะบัดมือ คนของพวกเธอได้เสียหายไปหว่าครึ่งแล้ว แต่ว่าได้ข่าวนี้มาแทน ก็ถือว่าคุ้มแล้ว
ถึงขนาดให้หลี่ชีลงมือเองเลย
ถ้าอย่างนั้นก่อนหน้านี้ ที่ซือหม่าเฉินคาดการณ์ไว้ ก็เป็นเรื่องจริง เทพสงครามของต้าหัวคนนี้ มาเพื่อเปิดทางที่เมืองฉางซานจริงๆ
“ซือหม่าเฉิน ก็เป็นคนเก่งเหมือนกัน”
เปียนตั่วตั่วยิ้มๆ ที่มุมปาก
มีคนน้อยมาก ที่ทำให้เธอรู้สึกว่า ยากที่จะรับมือ
ตอนนี้ ก็มีซือหม่าเฉินเพิ่มมากอีกคน
“ส่งข่าวกลับไปยังหน่วยทหารจอมพล เมืองฉางซานก่อการขึ้นแล้ว ทางฝั่งตระกูลเซี่ยแห่งซีโจว ท่านชีพ่อเลี้ยงในโลกใต้ดิน สองกองกำลังนี้ลงมือแล้ว หนึ่งในนี้ พ่อเลี้ยงท่านชี ไม่รู้ว่ามีทหารฝีมือดีจากที่ไหน อย่างช้าวันพรุ่งนี้ก็จะสามารถควบคุมทั้งเมืองฉางซานได้ โปรดมาโดยเร็ว สถานการณ์เร่งด่วน”
เปียนตั่วตั่วกล่าว
สงครามใหญ่ได้เริ่มขึ้นแล้ว