เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 312-4 หิมะตกหนักใต้หล้า (4)
ตอนที่ 312 หิมะตกหนักใต้หล้า (4)
เป็นสีขาวเงิน
อาจจะเป็นเพราะปราณกระบี่ระเบิดรุนแรงเกินไป ตอนที่เผยฝานลืมตาขึ้นจึงเห็นเป็นสีเงินขาวขยับไปมา…จนกระทั่งลืมตาได้เจ็ดแปดลมหายใจ นางก็คลึงใบหน้าแรงๆ หลายครั้งถึงพบว่าบนฟ้าเหนือทะเลสาบน้ำหลากตำหนักทะเลสาบกระบี่เกิดหิมะตกหนักลงมาในเดือนสี่
คนชราที่ยืนบนฟ้ายังอยู่ในท่าถือกระบี่ ปลายกระบี่ยอดเหมันต์ชี้ลงพื้น
หิมะเท่าขนห่านตกลงบนบ่าเขา คิ้วและหนวดเคราขาวโพลนไปหมด
หนิงอี้ตกลงพื้น ซวนเซก่อนจะลุกขึ้น พระโพธิสัตว์พันกรนั้นแตกสลายไปแล้ว แสงดาราถูกลมพัดทีเดียวก็หายไป ชุดดำของเด็กหนุ่มโบกสะบัดอยู่กลางหิมะตกหนัก
หนิงอี้ยืนปักกระบี่ เงยหน้าขึ้นมองคนชราบนฟ้าเงียบๆ
เลือดไหลมาจากมุมปากช้าๆ
คนชราบนฟ้าดูขาวไปทั้งตัว
หยวนฝูอินหลับตาลง แต่ในความคิดกลับไม่อาจลบเลือน…ภาพเด็กหนุ่มแซ่หนิงคนนั้นฟาดกระบี่ใส่กระบี่ตนเมื่อครู่ได้
ยอดเหมันต์ที่ออกจากฝักเกิดเสียงดังกึก เกิดรอยแตกร้าวขึ้น
ยอดเหมันต์…แตกแล้ว
บาดแผลนี้ใช่ว่าจะรักษาไม่ได้ ขอแค่เข้าฝักอีกครั้ง ชีวิตนิรันดร์ก็จะรักษามันได้…ใช้เวลาไม่นาน
อีกไม่นานก็จะกลับมาคมอีกครั้ง
ทว่า…เหตุใดมันถึงถูกกระบี่ของเด็กหนุ่มนั่นฟันแตก?
คนชราทำหน้างุนงง เขาพยายามจะเก็บยอดเหมันต์เข้าฝัก แต่ก็ทำได้ครึ่งเดียว
หัวไหล่เขาพลันสั่นไหว
ตรงระหว่างคิ้วฉีกเป็นรูเลือดเล็กๆ
เหมือนกับเจ้าเขาอนันต์เล็กในตอนนั้น สามร้อยหกสิบทวารทั่วทั้งตัวเขาฉีดน้ำตกเลือดสายเล็กและยาวออกมา
เขายิ้มด้วยความปวดร้าว เพ่งพินิจยอดเหมันต์ที่บางราวกับปีกจักจั่นในมือแตกเป็นเสี่ยงๆ ลอยไปเหมือนหิมะ เหมือนขนห่านสีขาวในอากาศ ยากจะแยกแยะ…สายตาหยวนฝูอินพร่าเลือนขึ้นมา จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เชื่อเรื่องเหลวไหลที่เกิดขึ้นในเวลาอันสั้นนี้เลย
ร่างหนึ่งตกลงมาจากบนฟ้าเหนือวิหารผู้คุมกฎ
ตกลงกลางหิมะ
หมอกเลือดกระจาย
สีขาวเปลี่ยนเป็นสีแดง
กระบี่มากมายที่ลอยบนตำหนักทะเลสาบกระบี่เสียการควบคุม พากันตกลงมา ปักกลางหิมะ บ้างลึกบ้างตื้น บ้างตรงบ้างเอียง
ซากปรักหักพังนอกวิหารผู้คุมกฎกลายเป็นป่ากระบี่
เผยฝานโล่งอก
หลิ่วสืออีก็โล่งอกเช่นกัน เขามองยอดเหมันต์ที่แตกกลางพายุหิมะด้วยสีหน้าซับซ้อน
ทุกคนต่างโล่งอกไม่มากก็น้อย
ฤดูกาลเดือนสี่ หิมะตกหนักในใต้หล้า
หนิงอี้ยืนปักกระบี่อยู่หน้าพวกเขา คลึงระหว่างคิ้ว สีหน้าดูเหนื่อยล้าแต่ก็ดีใจ
เขามองพินิจเหมันต์ที่ตนปักลงหิมะเงียบๆ
หนิงอี้ส่งกระแสจิตขอบคุณผู้อาวุโสทั้งสองท่านนั้น
เคียงกระบี่หลับตาลง พยักหน้า ดูหมดแรงแล้วแต่ก็แสร้งทำเป็นไม่ใช่แบบนั้น ก่อนจะพูดชมโดยปกปิดความอ่อนล้าไว้ “ทำลายกระบี่นั่นไปก็ดี”
ส่วนผลึกราชาหัวใจราชสีห์ก็ยังเงียบอยู่ก้นบ่อเทพเหมือนเดิม แค่บ่อเทพเกิดฟองอากาศลอยขึ้นมาสองฟอง
หนิงอี้ประสานสองมือบนด้ามกระบี่ หันหลังให้ทุกคน ฉีกมุมปากเล็กน้อย
กระบี่นี้…สูบพลังทั้งหมดของเขาจริงๆ
เขาหันไปมองทุกคนข้างหลัง
เผยฝานยิ้มกว้าง คนคลั่งกระบี่แอบยกนิ้วโป้งให้ในแขนเสื้อ
ศิษย์พี่หญิงพันกรยิ้มปลื้มใจในตัวเขา
หนิงอี้เห็นทุกอย่างก็ถึงกับคลึงแก้ม
เขาพลันพบว่าสวีไหลกับหลิ่วสือมองข้ามตนไปมองสุดทางของป่ากระบี่ที่อยู่ไกลลิบด้วยความฉงน
ศิษย์พี่หญิงพันกรหรี่ตาลงเช่นกัน
หนิงอี้หันไปมอง
……..
มีเสียงฟันขาดเบาๆ ดังขึ้นกลางพายุหิมะ
เศษแหลมคมยิ่งตัดผ่านพายุหิมะ ไปรวมที่สุดทางป่ากระบี่ เหมือนกับถูกเส้นสายดึง
เกิดเสียงรวมกันดังขึ้นต่อเนื่อง
ยอดเหมันต์ที่แตกหักถูกปราณกระบี่ไร้รูปเหนี่ยวนำเช่นนี้ ตัดออกมาเป็นคลื่นปราณกระบี่หลายสิบสาย พุ่งเข้าไปตรงสุดทางที่ป่ากระบี่ซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ ตรงนั้นเป็นจุดขาวโพลน เห็นอะไรไม่ชัดเลย
ฝักกระบี่ชีวิตนิรันดร์หมุนไปในอากาศ ลากเป็นเส้นโค้งครึ่งวงกลมสองวง ยังไม่ทันตกลงพื้นก็ถูกแรงดูดดึงเข้าไป
เกิดเสียงดังชิ้ง เศษกลับเข้าฝัก
เสียงใสแต่ก็ไพเราะ ฟังแค่เสียงก็จินตนาการถึงภาพเศษยอดเหมันต์รวมร่างกระบี่อีกครั้งได้
คนคนนั้นเดินมาจากสุดทางพายุหิมะไกลๆ
อยู่ในชุดคลุมหยาบสีขาว
เป็นคนชราที่แก่ชรามาก
ตรงเอวห้อยกระบี่โบราณที่ฝักกระบี่แกะสลักภาพน้ำค้างครามไว้ ด้ามกระบี่มีพู่สีแดงตกลงมา สะบัดไปตามสายลม
คนชราคนนี้มีความชราต่างกับหยวนฝูอิน
สะอาดเหมือนหิมะ ไม่เปื้อนธุลีดินแม้แต่น้อย
ทั่วทั้งตัวเหมือนกับเคลือบเงามัน เดินกลางหิมะ พลังเกิดขึ้นจากธรรมชาติ เหมือนกับเป็นเจ้าแดนหิมะ ตอนที่กระบี่ในป่ากระบี่ตกลงพื้นก็ยังแหวกเป็นเส้นทางสายหนึ่ง ล้อมรอบตัวเขา กดหัวกระบี่ลง ส่งเสียงดังชิ้งๆ ต้อนรับการมาเยือนของเขา…พวกนี้ยังไม่นับว่าเป็นอะไรนัก
สิ่งที่ทำให้หนิงอี้กลัวจริงๆ คือตอนนี้พินิจเหมันต์ที่เขากดด้วยสองมือก็สั่นไหวเช่นกัน ต้องกดสองมือแน่นๆ ถึงจะคุมกระบี่ไว้ได้
สบตากับคนชรานั้น ในแววตาคนชราไม่มีความปรารถนา ไม่มีความคิดที่เห็นแก่ตัวเอง
ไม่มีอะไรเลย
ว่างเปล่า
แต่ก็มีทุกอย่างเช่นกัน
อ่านธุลีแดงขาด อ่านทุกอย่างขาด
หนิงอี้เกิดความคิดที่มั่นใจมากขึ้นอย่างหนึ่ง
คนชราคนนี้จะต้องบรรลุขอบเขตนิพพานแน่ อย่างน้อยก็ขอบเขตนิพพาน!
หนิงอี้เคยพบผู้บำเพ็ญขอบเขตนิพพานมาแล้ว โยนประสบการณ์ที่เคียงกระบี่ยืมร่างที่จวนเขาครามทิ้งไป การเดินทางที่ภูเขาแดง ปีศาจปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณ ซ่งเชวี่ยแห่งเขาวิญญาณและกูอีเหรินแห่งบ่อหยก ต่างก็ไม่ได้สร้างความตกใจให้เขาเช่นนี้เลย…
คนชรานี่เป็นใครกัน
ทุกคนต่างนึกถึงคำถามนี้
จนเสียงของสวีไหลดังขึ้น
เขาก้มหน้าลงด้วยความเคารพ ก่อนพูดเสียงดัง
“ท่านบรรพจารย์สูงสุด”
บรรพจารย์สูงสุด
สวีไหลมาจากทะเลตะวันตก
ทะเลตะวันตกมีบรรพจารย์สูงสุดท่านเดียว มีชีวิตอยู่เมื่อนานมาแล้ว ทั้งยังมีชีวิตได้นานมาก เป็นเซียนกระบี่เฒ่าที่มีชื่อเสียงมานานนม เป็นสหายสนิทที่สุดกับคุณชายหยวนฉุนแห่งเมืองหลวง
ถ้าวัดกันที่อายุ…เซียนกระบี่เฒ่าทะเลตะวันตกคนนี้ ถึงขั้นตัดสินสูงต่ำกับจักรพรรดิองค์ปัจจุบันได้
คนชราตอบอืมเบาๆ เดินผ่านป่ากระบี่ เดินผ่านหิมะตกหนักมาอยู่หน้าสวีไหล เขามองสวีไหล พูดให้ถูกคือมองบุรุษชุดคลุมเต๋าที่สวีไหลประคองอยู่
หลิ่วสือยังถูกกระบี่สั้นปักที่หน้าอก เขาพูดอย่างอ่อนแรง “ขอคารวะ…ท่านบรรพจารย์สูงสุด”
เซียนกระบี่เฒ่าทะเลตะวันตกพูดเสียงเบา “มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว หากไม่นิพพานก็ต้องตายแน่ หากนิพพาน ก็มีโอกาสสูงมากที่จะตาย”
หลิ่วสือยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร
เพลิงมรรคในตัวเขาเผาวิญญาณแล้ว
เซียนกระบี่เฒ่าเอ่ยนิ่งๆ “เห็นแก่ที่เจ้าเป็นลูกหลานของสหายเก่าข้า ข้าจะช่วยเจ้าดับเพลิงมรรคสักครั้ง”
ตรงหน้าผากหลิ่วสือถูกเงามายาที่มองเห็นไม่ชัดกดผ่าน
เพลิงมรรคในตัวเขาก็สลายหายไปเช่นนี้
นี่มันรอยเซียนระดับใดกัน
เซียนกระบี่เฒ่าดึงมือที่เคาะหน้าผากหลิ่วสือเบาๆ กลับมา มืออีกข้างพลิกมือปักยอดเหมันต์ลงตรงหน้าหลิ่วสือ ก่อนจะพูดกับสวีไหล “ขโมยชีวิตนิรันดร์ ต่อให้กลับเข้าฝักก็ต้องถูกลงโทษ หากกลับไปวิมานเทพอีก จะลงโทษขังเจ้าสิบปี”
สวีไหลเงียบอยู่นานมาก
ไม่อยากเชื่อเลยว่าบรรพจารย์ท่านนี้จะออกจากทะเลตะวันตกมาต้าสุย…เช่นนั้นคนชราท่านนี้ก็คงเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตำหนักทะเลสาบกระบี่แล้ว
มีบรรพจารย์ท่านนี้อยู่ ไม่ว่าเขาสู่ซานจะออกหน้าหรือไม่ ขอแค่หยวนฝูอินคิดชั่ว แย่งชิงยอดเหมันต์ คิดจะชิงตำแหน่งเจ้าตำหนักทะเลสาบกระบี่ไปจากหลิ่วสือ บทสรุปก็ถูกลิขิตไว้ว่าต้องพ่ายแพ้
ยอดเหมันต์ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในใต้หล้าเป็นสมบัติหายากในสายตาหยวนฝูอิน แต่ในสายตาคนชรากลับเป็นเพียงกระบี่เล่มหนึ่งเท่านั้น ไม่นับว่าเป็นสมบัติที่ต้องแย่งชิงอะไร
บรรพจารย์ท่านนี้หาตัวได้ยากมาตลอด จุดสูงสุดบนวิหารใหญ่วิมานเทพบูชาป้ายชีวิตเขา เล่าลือว่าเขาสุขุมนุ่มลึกที่สุด พลังบำเพ็ญยังสูงมาก ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าบรรพจารย์อยู่ที่ใด เพียงแต่จะกวาดสายตามองป้ายชีวิตของศิษย์ทุกวันในเวลาที่แน่นอน
ป้ายชีวิตยังอยู่ดี ทะเลตะวันตกก็สงบสุข
ขอแค่ไม่เกี่ยวกับความเป็นตายของสองสำนัก ปกติบรรพจารย์จะไม่ออกมือ ตอนนี้หยวนฝูอินที่ชิงกระบี่ไปเหยียบเส้นแดงนี้เข้าพอดี…สวีไหลสูดลมหายใจเข้าลึก มองร่างสีแดงที่ตกลงพื้น ใจนึกว่าสมควรตายแล้วจริงๆ
เขาพลันขมวดคิ้ว เกิดความสงสัยขึ้นในใจอย่างหนึ่ง
หยวนฝูอินตายแล้ว
บรรพจารย์ไม่จำเป็นต้องออกหน้าเลย…แต่เหตุใดวันนี้ถึงปรากฏตัว
หลังจากปักยอดเหมันต์ลงพื้น คนชราก็ไม่มองคนอื่นอีก
ชุดคลุมหยาบสีขาวหมุนตัวกลับ
เซียนกระบี่เฒ่าทะเลตะวันตกเดินมาหน้าหนิงอี้
เขาเพ่งมองพินิจเหมันต์ที่หนิงอี้ปักลงพื้นก่อน หลังได้เห็นภาพหนิงอี้ทำลายยอดเหมันต์กับตาแล้ว คนชราก็พูดชมอย่างหาได้ยากยิ่ง “กระบี่นี้ของเจ้า เยี่ยมมาก”
จากนั้นเขาก็พูดด้วยรอยยิ้ม “หนิงอี้ ข้าไปเมืองหลวงมาแล้ว ไปคุยกับดอกบัวม่วงคนนั้น ข้าถึงรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากเจ้าไปเมืองหลวง…”
หนิงอี้มีสีหน้างุนงงเล็กน้อย เขารู้ว่าดอกบัวม่วงที่คนชราพูดถึงคือคุณชายหยวนฉุน…แต่เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเซียนกระบี่เฒ่าทะเลตะวันตกที่มีพลังบำเพ็ญมหาศาลคนนี้มาหาตนด้วยเรื่องใด
คนชราไม่อ้อมค้อมแล้ว แต่พูดมาตรงๆ “หนิงอี้ เจ้ายินดีไปทะเลตะวันตก เป็นศิษย์สายตรงของข้าหรือไม่”
………………………..