กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ - บทที่ 1536
กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ บทที่ 1536
เอเดรียนตัวสั่นในขณะที่ถามผู้อำนวยการแผนกบุรุษเวชวิทยาว่า “เกิดเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย? คุณพบต้นตอของปัญหาหรือยัง?”
ผู้อำนวยการปาดเหงื่อแล้วตอบว่า “คุณเอเดรียนครับ เรื่องนี้ชวนงงมากเลยครับ เราได้พยายามตรวจสอบปัญหาหลายวิธีแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้คำตอบว่าทำไมถึงมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ผมทำการศึกษาทางด้านบุรุษเวชวิทยามาหลายสิบปีแล้วแต่ไม่เคยพบกรณีแบบนี้มาก่อนเลยครับ…”
เอเดรียนมองไปที่ชายสองคนที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น จากนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “โรคนี้ไม่มีทางรักษาเลยเหรอ?”
ผู้อำนวยการตอบอย่างอาย ๆ ว่า “คุณเอเดรียนครับ เรื่องที่จะรักษาได้หรือไม่ได้นั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอกครับ ตอนนี้ปัญหาสำคัญคือเราต้องสืบหาว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเราต่างสับสนกับสถานการณ์นี้มากเลยครับ…”
เอเดรียนรู้สึกเลือดวิ่งพล่านและจิตใจก็เริ่มขุ่นมัวและสับสน เขาคิดกับตัวเองว่า ‘นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย?!’
“เด็กสองคนนี้ยังอยู่ในวัยยี่สิบกว่า ๆ และยังไม่แก่เลย แล้ววิลเฮล์มก็เพิ่งมีอายุยี่สิบต้น ๆ เท่านั้นเอง แล้วชายหนุ่มที่ควรจะมีสุขภาพดี กลับกลายเป็นคนไร้สมรรถภาพแบบนี้ได้ยังไง?!”
‘ตระกูลโกลดิ้งมีลูกชายแค่สองคนเองนะ!’
‘ถ้าพวกเขาทั้งคู่ไม่สามารถทำหน้าที่สืบสกุลได้ แล้วใครล่ะจะเป็นผู้สืบทอดตระกูลโกลดิ้งนับจากนี้’
‘ฉันยังไม่มีหลานชายเลยนะ!’
เมื่อคิดใคร่ครวญถึงเรื่องต่าง ๆ นี้ เอเดรียนก็หันขวับไปมองลูกชายของเขา แล้วโพล่งออกมาว่า “ริกลีย์! บอกพ่อแกหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น? แกเป็นยังไงบ้าง?”
ริกลีย์ได้รับการตรวจสอบมาหลายอย่างแล้ว แต่แพทย์ก็ยังหาต้นตอของปัญหาไม่พบ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกสิ้นหวังมากขึ้น แล้วร้องห่มร้องไห้ในขณะตอบว่า “พ่อครับ! ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น! เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนมาก แล้วผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง… ผม… ผมแค่ไม่รู้สึกอะไรเลย! ผมถึงขนาดใช้เล็บหยิกแต่ก็ยังไม่รู้สึกอะไรเลย! ไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลยด้วยซ้ำ?! ถ้ารู้สึกเจ็บก็นับเป็นสัญญาณที่ดี แต่…”
วิลเฮล์มยังคงร้องห่มร้องไห้แล้วพูดว่า “เมื่อกี้นี้ผมก็ลองหยิกดูด้วย… แต่ก็ไม่รู้สึกอะไรเลยเหมือนกัน…”
โรแกนเกือบล้มทั้งยืนหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขารีบปลอบใจลูกชายว่า “ลูกพ่อ… ไม่ต้องเป็นห่วงนะ… เข้มแข็งไว้ ไม่ต้องตื่นตระหนก ค่อย ๆ คิดหาทางออกกันไปดีกว่า”
จู่ ๆ ริกลีย์ก็ส่งเสียงขึ้นทันทีว่า “พ่อครับ พ่อคิดว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับไอ้เด็กนั่นที่เราเจอที่บ้านลุงหรือเปล่า? ไอ้เด็กคนนั้นบอกว่ามันทำให้ผมไม่สามารถมีลูกได้แล้ว… ตอนนั้นผมคิดว่าไอ้เด็กนั่นคงพูดเรื่อยเปื่อย แต่ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับได้เด็กนั่น… ต้องเป็นฝีมือของมันแน่ ๆ จริงไหมครับ?”
“จริงสิ!” วิลเฮล์มเห็นด้วยแบบไม่ค่อยพอใจนัก “ไอ้เด็กปากเสียนั่นพูดเหมือนมีอำนาจเหนือเรา แล้วทำให้เราเป็นหมันจากระยะไกล…”
“ทำหมันระยะไกลเหรอ?!” หมอผู้ชายสองสามคนต่างตกตะลึงกับคำพูดของเขา
หลังจากศึกษาเล่าเรียนวิชาแพทย์มาหลายปี ก็ไม่มีใครเคยได้ยินคำศัพท์งี่เง่าอย่างการทำหมันระยะไกลมาก่อนเลย
ซึ่งไม่ผิดอะไรกับการบอกว่ามีคนตั้งท้องจากระยะไกลได้ มันเป็นอะไรที่เหลวไหลสิ้นดี!
จู่ ๆ เอเดรียนก็นึกถึงสิ่งที่ชาร์ลีพูดในตอนนั้น สีหน้าของเขาเคร่งขรึมมาก
ในเวลานี้เขามองไปที่โรแกนน้องชายของเขาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วพูดว่า “น้องสาม แกจำไอ้เด็กนั่นได้ไหม? ดูเหมือนได้เด็กนั่นจะถามเราทั้งคู่ใช่ไหม? มันบอกว่าเรายังไม่แก่จนเกินไป เรายังมีลูกของเราเองได้”
“ผมจำได้!” โรแกนตอบแล้วพยักหน้า “ไอ้เด็กคนนั้นพูดจาหยาบคายมาก! ผมแอบก่นด่ามันอยู่ในใจ!”
เอเดรียนเม้มริมฝีปากแล้วตอบว่า “ทำไมยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้ฟังดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย…”
พอพูดอย่างนั้นออกไปเขาก็ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่งและนิ่งเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปจับเป้ากางเกงของตัวเอง…
…
หลังจากจับเป้าของตัวเองแล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนจากขมวดคิ้วเป็นตกใจทันที จากนั้นเขาก็ตะโกนด้วยความตื่นตระหนกว่า “เร็วเข้า! หมอ! ฉันไม่รู้สึกอะไรแล้ว! ช่วยตรวจฉันเดี๋ยวนี้เลย!!!”