คุรุการแพทย์ - บทที่ 221 คารมคมคาย!
บทที่ 221 คารมคมคาย!
บทที่ 221 คารมคมคาย!
มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง
ห้องทำงานรองอธิการบดี
เฉินอินเซิงนั่งหน้าโต๊ะทำงานมองไปยังโทรศัพท์ในมือที่ร้อนระอุ เพราะต้องรับสายเป็นเวลานานจนแบตเตอรี่หมด
ตั้งแต่ฟางชิวชนะ โทรศัพท์เครื่องนี้ก็มีสายเข้ามาไม่หยุดหย่อนจนแบตเตอรี่หมด
ผู้บริหารทุกคนจากทุกสาขาอาชีพล้วนโทรมาพูดในสิ่งเดียวกัน
นั่นคือเอ่ยชมฟางชิว! และชื่นชมมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงที่สอนนักศึกษาได้ดีเช่นนี้
ผู้บริหารหลายคนถึงกับคิดว่าเฉินอินเซิงจงใจปล่อยให้ฟางชิวไป มิฉะนั้นในฐานะรองอธิการบดี เฉินอินเซิงจะไม่สามารถหยุดนักศึกษาคนหนึ่งได้เชียวหรือ?
ตอนนี้เมื่อมองดูแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเฉินอินเซิงถึงอนุญาตให้ฟางชิวเข้าร่วมการแข่งขันนั้น
ที่แท้เขาก็มีแผนบางอย่าง!
โดยเฉพาะผู้บริหารในแวดวงการแพทย์แผนจีน แต่ละคนล้วนโทรมากล่าวชื่นชมมหาวิทยาลัย อีกทั้งเมื่อชื่นชมฟางชิวแล้ว ต่างบอกให้เฉินอินเซิงสอนฟางชิวให้ดี อย่าปล่อยให้คนแบบนี้หลุดลอยไป
สายที่โทรเข้ามาเหล่านี้ทำให้เฉินอินเซิงยกยิ้มอย่างขมขื่น
ถ้าผู้คนรู้ว่าเขาเคยจัดการกับฟางชิวแบบนั้นมาก่อน ก็ยากจะบอกว่าจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาแบบใด
อย่างไรเสีย ในสายตาของผู้คนจากทุกสาขาอาชีพในตอนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหารของแวดวงการแพทย์แผนจีน ฟางชิวเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับแนวหน้า หากรู้ว่าเฉินอินเซิงวางแผนจัดการฟางชิว ผู้บริหารเหล่านี้จะไม่ตำหนิติเตียนการกระทำของเขาหรือ?
สำหรับเฉินอินเซิง การแพทย์แผนจีนชนะเป็นสิ่งที่ดี
แต่ในทางตรงกันข้าม คนที่ชนะในนามของการแพทย์แผนจีนคือฟางชิว!!
ก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น เขาวางแผนจะไล่ฟางชิวออกไปให้พ้นโดยเร็วที่สุดหลังจบการแข่งขัน
แต่ผลลัพธ์ที่ออกมา เขากลับชนะในนามของแวดวงการแพทย์แผนจีน แล้วจะไล่ออกตอนนี้ได้อย่างไร?
อีกทั้งยังมีผู้บริหารไม่น้อยในวงการแพทย์แผนจีนกำลังเพ่งเล็งอยู่ หากเจ้าหนุ่มนั่นถูกไล่ออกจริง ๆ เขาคงถูกสาปแช่งจนตาย
ไม่ใช่แค่เพียงพวกผู้บริหารเหล่านั้น แม้แต่เฉินอินเซิงยังสับสน
แม้ว่าจะเกลียดฟางชิว แต่ความสามารถที่ไม่ธรรมดาในครั้งนี้ได้สร้างเกียรติอย่างสูงให้กับมหาวิทยาลัยและการแพทย์แผนจีน ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่รู้เลยสักนิดว่าจริง ๆ แล้วรักหรือเกลียดกันแน่
ในเวลาเดียวกัน บนเว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัย
หลังจากปิดการเข้าใช้ไปได้ไม่กี่วัน ในที่สุดเว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัยก็กลับมาออนไลน์อีกครั้งตามคำเรียกร้อง
แน่นอนว่าเป็นเพราะทุกคนให้ความสนใจเรื่องบนเวยป๋อ แม้ว่าจะมีบุคคลภายนอกเข้ามาพูดคุยบนเว็บบอร์ด แต่จำนวนก็น้อยลงกว่าเดิมค่อนข้างมาก อีกทั้งทุกคนต่างปฏิบัติตามกฎกติกา ไม่ระเบิดคอมเมนต์อีก ทางมหาวิทยาลัยจึงไม่ได้กังวลมากนัก
จากการเปิดเว็บบอร์ดอีกครั้ง ก็เห็นวิดีโอบันทึกการแข่งขันของฟางชิวถูกอัปโหลดบนเว็บบอร์ดเป็นสิ่งแรก
แม้ว่าทุกคนจะได้เห็นการถ่ายทอดสดไปแล้ว แต่กลับไม่ส่งผลต่อความนิยมของวิดีโอนี้แต่อย่างใด
นักศึกษาล้วนตกใจที่ฟางชิวสามารถเอาชนะได้!
ดัชนีความนิยมของฟางชิวบนเว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัยพุ่งขึ้นสูงปรี๊ด และทำลายสถิติไปถึงสองแสนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ความหมายโดยรวมของสองแสนคืออะไร?
นับตั้งแต่วันที่เว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัยเปิดใช้งาน ยังไม่เคยมีใครที่มีดัชนีความนิยมถึงสองแสนเลย!
แม้แต่ชายลึกลับที่ครองอันดับมาอย่างยาวนานยังห่างไกลจากจำนวนสองแสน
แต่ฟางชิวทำได้!
ด้วยชัยชนะจากการแข่งขันครานี้ ไม่เพียงทำให้นักศึกษาทุกคนในมหาวิทยาลัยตกใจ แต่ยังดึงดูดบรรดาศิษย์เก่า เป็นผลให้นักศึกษาทุกคนในมหาวิทยาลัยเข้าไปค้นหาบนเว็บบอร์ดพร้อมถกเถียงประเด็นร้อนนี้
ดัชนีความนิยมสองแสน!
จะมีคนทำได้สักกี่คน?
แน่นอนว่ามีทั้งคนที่เห็นฟางชิวเป็นแบบอย่าง เป็นฮีโร่ และแน่นอนว่าย่อมมีคนที่จับตามอง
ทั้งยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่แอบวิพากษ์วิจารณ์
ชายลึกลับรีบออกมาเร็ว! เด็กคนนี้แย่งอันดับหนึ่งของคุณไปแล้ว!
…
เวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง
ในที่สุดรถไฟความเร็วสูงที่ฟางชิวนั่งมาก็หยุดลงที่สถานีรถไฟความเร็วสูงเจียงจิง
โทรศัพท์มือถือพลันดังขึ้นทันทีที่เขาก้าวลงจากรถ
เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นสายของโจวเสี่ยวเทียน
“ว่าไง?” ฟางชิวรับสายด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
“[น้องเล็ก นายถึงไหนแล้ว รีบกลับมาช่วยที!]” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวลของโจวเสี่ยวเทียนดังขึ้น
“ช่วยอะไร?” ฟางชิวตกใจก่อนรีบเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
“[ทั้งหมดเป็นความผิดของนาย!]” อีกฝ่ายกล่าวตำหนิ “[ตอนนี้มีนักข่าวจากหลายสำนักอยู่หน้าหอเราเต็มไปหมด! บอกว่าจะรอสัมภาษณ์นาย รีบกลับมาช่วยเร็ว!]”
“วันนี้ฉันไม่กลับไปแล้ว” เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟางชิวจึงเอ่ยออกมาด้วยความเด็ดขาด “เราเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นพวกนายช่วยเห็นใจให้มากกว่านี้หน่อย อย่าตำหนิว่าฉันไม่มีน้ำใจ”
“[ให้ตาย!]” โจวเสี่ยวเทียนตะลึงงันแทบหัวเสีย
“ให้ตายอะไรล่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ก่อนเอ่ย “เอาอย่างนี้ นายไปบอกสื่อพวกนั้นว่าสัปดาห์นี้ฉันจะยังไม่กลับไป”
“[จริงเหรอ?]” โจวเสี่ยวเทียนเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“ไร้สาระน่า แน่นอนว่าไม่จริงอยู่แล้วสิ ก็แค่หลอกพวกเขาก่อน” ฟางชิวเอ่ยตอบ
“[นี่…]” โจวเสี่ยวเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพลางเอ่ยถามอย่าลังเล “[ไม่อย่างนั้น ให้ฉันให้สัมภาษณ์แทนนายดีไหม?]”
“นายจะทำอะไรกันแน่” ฟางชิวเอ่ยถามอย่างระแวง
เขารู้ว่าโจวเสี่ยวเทียนยังเป็นเด็ก อีกทั้งความนึกคิดของสมองยังแตกต่างจากคนทั่วไปไม่น้อย
เขาจะทำในสิ่งที่คุณคาดไม่ถึง!
“[เป็นโอกาสดีทีเดียว แน่นอนว่าเราต้องคว้ามันไว้และทำมันออกมาให้ดี!]” โจวเสี่ยวเทียนหัวเราะพร้อมกระซิบกระซาบ
เห็นได้ชัดว่าเป็นโอกาสที่จะได้หาแสงไงล่ะ!! ก๊ากกกก!!
ฟางชิว “…”
“เอาเถอะ” ผ่านไปไม่นานนัก ฟางชิวพลันถอนหายใจแผ่วเบาและเอ่ยคำ “นายอยากทำอะไรก็เชิญ อีกครึ่งชั่วโมงไปหายามประตูมหาวิทยาลัย ฉันเอาเป็ดย่างปักกิ่งมาฝาก แล้วพรุ่งนี้เช้าฉันจะกลับไป”
“[โอ้ พ่อคุณน้ำใจงามยิ่งนัก!]” โจวเสี่ยวเทียนพลันร่าเริงพร้อมเอ่ยชื่นชม ก่อนที่จะวางสายโทรศัพท์ไป
ทุกนาทีนั้นมีค่า …ถ้าพลาดโอกาสนี้ไปจะไม่มีอีกแล้ว
“อะแฮ่ม…”
หลังจากวางสาย โจวเสี่ยวเทียนก็กระแอมออกมาสองสามครั้ง จากนั้นยืดตัวลุกขึ้นด้วยความมั่นใจและเดินไปเปิดประตูหอพัก
นอกประตู
นักข่าวมองไปที่หอพักโดยไม่มีใครให้ความสนใจกับโจวเสี่ยวเทียนสักคน ทั้งยังคงมองไปรอบ ๆ เฝ้ารอฟางชิว
“พวกคุณไม่ต้องรอแล้วครับ” เมื่อเห็นว่านักข่าวเมินเฉยต่อตัวเอง โจวเสี่ยวเทียนจำต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน “ฟางชิว เพื่อนร่วมชั้นที่รักของเราจะไม่กลับมาในสัปดาห์นี้ พวกคุณเชิญกลับไปเถอะ”
เหล่านักข่าวตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
ฟางชิวไม่กลับมา?
“แต่…” โจวเสี่ยวเทียนกระแอมไอเรียกความสนใจของทุกคนให้กลับมา “ถ้าอยากรู้อะไรก็ถามผมได้ ในฐานะรูมเมตและเพื่อนสนิท ผมรู้จักเขาเป็นอย่างดี ตราบใดที่ตอบได้ ผมจะบอกคุณทุกอย่างแน่นอน! บางทีพวกคุณอาจจะขุดคุ้ยความลับบางอย่างจากผมได้!”
เมื่อประโยคนี้ถูกเอ่ยออกมา บรรดานักข่าวที่กำลังจะถอยออกไปพลันหยุดความคิดลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้ยินโจวเสี่ยวเทียนเอ่ยเช่นนั้น
ความลับที่ไม่มีใครรู้! ดวงตาของนักข่าวพลันมีแสงสว่างวาบขึ้น นี่คือสิ่งที่พวกเขาต้องการ!
สัมภาษณ์ฟางชิวไม่ได้ แต่การได้สัมภาษณ์รูมเมตที่ใช้เวลาด้วยทั้งวันทั้งคืนก็นับว่าไม่เลว!
อีกทั้งตรงนี้ยังมีคู่แข่งมากมาย
หากพวกเขาจากไป …ข้อมูลเกี่ยวกับชายหนุ่มย่อมต้องถูกผู้อื่นฉกฉวยไป
นี่เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
เมื่อคิดถึงจุดนี้… นักข่าวคนใดจะกล้าลังเล รีบวิ่งไปข้างหน้าถลาเข้าไปในหอพัก ก่อนจะล้อมรอบโจวเสี่ยวเทียนแล้วเริ่มยิงคำถาม
โจวเสี่ยวเทียนทั้งตื่นเต้นทั้งมีความสุขกับการออกสื่อเป็นครั้งแรก
แสงแฟลช!
การถ่ายภาพ!
มาเร็ว! มาถ่ายฉันนี่!
ภายใต้คำถามต่าง ๆ จากนักข่าว เขาได้แสดงไหวพริบที่ยอดเยี่ยม เต็มไปด้วยคำเอ่ยชมฟางชิวว่ารักการเรียนรู้ เพื่อนร่วมชั้นที่เป็นมิตร เคารพอาจารย์ และอื่น ๆ ตราบใดที่มันเป็นเรื่องดีที่จะเอ่ยออกไป จงเอ่ยโอ้อวดให้เกินจริงอีกครั้งและอีกครั้ง!
ประกาศให้โลกรู้!!
ในหอพัก
เมื่อเห็นโจวเสี่ยวเทียนถูกล้อมรอบด้วยนักข่าว
ซุนฮ่าวและจูเปิ่นเจิ้งจึงหันขวับมองหน้ากัน
นี่เป็นสิ่งที่ดี เราจะปล่อยเจ้าสี่ได้หน้าไปคนเดียวไม่ได้!
คิดได้เช่นนั้นทั้งสองก็รีบเบียดเสียดเข้ากลางวงล้อม
“ถามผมได้ ถามผมนี่ ผมกับฟางชิวเป็นรูมเมตและเป็นพี่น้องกัน!”
ซุนฮ่าวตะโกนขณะที่พยายามแทรกเข้าไป
“สัมภาษณ์ผมดีกว่าครับ ผมไม่เพียงแต่เป็นรูมเมตและพี่น้องกับฟางชิวเท่านั้น แต่ยังเคยได้เข้าร่วมการแข่งขันประลองความรู้กับเขาด้วย”
จูเปิ่นเจิ้งงัดไม้ตายออกมาใช้
ทั้งสองถูกล้อมรอบด้วยนักข่าวที่กรูเข้ามาทันที
ตลอดครึ่งชั่วโมง ไม่มีคำดูถูกฟางชิวใดถูกเอ่ยออกมา
พวกเขาเอ่ยถึงฟางชิวราวกับเป็นตัวละครที่หลุดออกมาจากหนังสือ!
ทั้งสามพูดถึงเรื่องนี้ด้วยความตั้งใจ
นักข่าวก็พอใจกับสถานะของทั้งสามคนเช่นกัน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา การสัมภาษณ์ก็จบลง…
เมื่อนักข่าวทุกสำนักได้เนื้อหาที่น่าพอใจจากทั้งสามปากจึงรีบกลับไปเขียนบทความโดยไม่รีรอ
เพราะเมื่อทุกคนได้รับข้อมูลโดยตรงพร้อม ๆ กัน ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครสามารถเขียนต้นฉบับเสร็จก่อนกันเพื่อคว้าความสนใจแรกไป
อีกด้าน พวกเขาสามคนเดินไปส่งนักข่าวที่ประตูมหาวิทยาลัยซึ่งทำให้กลุ่มนักข่าวอายอย่างบอกไม่ถูก
ทางเข้ามหาวิทยาลัย
เมื่อดูบรรดานักข่าวจากไป ทั้งสามก็หันมองหน้ากัน ก่อนจะรีบไปยังห้องยามที่ประตูมหาวิทยาลัยเพื่อรับเป็ดย่างปักกิ่งที่ฟางชิวนำมาให้
สิ่งที่พิถีพิถันที่สุดคือฟางชิวยังเตรียมต้นหอมและแตงกวาหั่นฝอยให้แก่พวกเขาด้วย
หลังจากได้เป็ดย่างแล้ว ทั้งสามจึงกลับไปที่หอพักทันที
“ไม่ต้องพูดอะไรมาก ถึงจะเย็นชืดแล้วแต่เป็ดย่างก็ยังยอดเยี่ยมเสมอ!”
“นี่เป็นค่าตอบแทนของเราในการชื่นชมน้องเล็ก”
…
ในขณะที่ทั้งสามกำลังกินเป็ดย่างอยู่ สื่อต่าง ๆ ในเมืองเจียงจิงก็ทยอยกันเผยแพร่ข่าว
ตัวตนของฟางชิวถูกเขียนลงในข่าว
‘ฟางชิว ชายหนุ่มผู้มีความคิด ความสามารถ ความแข็งแกร่ง ความกล้าหาญ และพรสวรรค์!’
ข่าวต่าง ๆ ล้วนนำเสนอในเชิงของการชื่นชมยกย่องฟางชิว
แน่นอนว่าสื่อเหล่านี้ไม่ได้โง่ พวกเขาไม่กล้าเอาสิ่งที่โจวเสี่ยวเทียนและอีกสองคนพูดมากเกินไป อย่างไรเสียทั้งสามคนนี้ก็ยกย่องฟางชิวเกินไป หากเขียนลงในข่าวจริง ๆ จะทำให้ผู้คนรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องจริง…
และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมนักข่าวพวกนี้ถึงได้สัมภาษณ์ผู้คนจำนวนไม่น้อยอย่างลับ ๆ เช่น เพื่อนร่วมชั้นและอาจารย์ของฟางชิว
เพราะคนพวกนี้ไม่มีคารมคมคายเหมือนพวกโจวเสี่ยวเทียน อีกทั้งเมื่อถูกสัมภาษณ์ พวกเขาจะระมัดระวังมากขึ้นในสิ่งที่พูด
และสิ่งหนึ่งที่ตรงไปตรงมาที่สุดในการสัมภาษณ์กับนักข่าว
คือคำพูดที่ตรงไปตรงมาของเฉียวมู่ ‘ฟางชิวเป็นนักศึกษาที่ดีที่สุดที่ผมเคยสอนมา!’