Bringing Culture to a Different World - ตอนที่ 177
ตอนที่ 177 พบเจอ
เมื่อถูกคุกคาม พริกไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปิดโรงแรมนกพิราบดําชั่วคราวในตอนกลางวัน และนํา ทหารรักษาการณ์ เพส ไปที่โรงเตี๊ยมใจหิน
ทันทีที่เพสเข้าไปในถนน นางก็สวมหมวกคลุมอีกครั้ง นางไม่กลัวแสงแดด เพียงแต่ว่าหมวกคลุมของทหารรักษาการณ์มีความสามารถในการปกปิดรัศมีของพวกเขา
แม้ว่าเพสจะไม่ชอบมนุษย์ แต่นางก็ไม่กล้าที่จะดูถูกมนุษย์…
แม้ว่าอายุขัยของมนุษย์จะสั้นจนน่าสมเพช แต่ก็มีคนที่ทรงพลังอยู่บ้างในหมู่มนุษย์
ที่แห่งนี้คือนอร์แลนด์ เมืองที่เหล่าชนชั้นสูงของมนุษยชาติมารวมตัวกัน
หากผู้วิเศษผู้มีอํานาจมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของเพส นางรู้สึกว่านางจะมีปัญหาอย่างมาก
“โจชัว แอนเนอลาวด์อาศัยอยู่ในที่ของมนุษย์หรอ?”
พริกนําเพสออกจากถนนกระรอก นางคิดว่าปีศาจโกลาหลจะอาศัยอยู่ในเขตที่คนแคระอาศัยอยู่ หรือในพื้นที่อื่นอย่างถนนกระรอก
แต่ทิศทางที่พริกกําลังเดินไปคือใจกลางเมืองนอร์แลนด์ ถนนเต็มไปด้วยพ่อค้าและจอมเวทย์ทุกประเภท…
พริกพยักหน้าเป็นคําตอบ
“อย่าพยายามหลอกลวงข้าในเวลาแบบนี้จะดีกว่า”
เพสยังไม่ค่อยเชื่อว่าปีศาจโกลาหลจะสามารถอาศัยอยู่ในใจกลางของนอร์แลนด์ได้ ปีศาจโกลาหลแตกต่างจากก็อบลินและยักษ์ถ้ำ
มนุษย์รังเกียจพวกก๊อบลิน พวกเขาจะหลีกเลี่ยงพ่อค้าก็อบลินเมื่อพวกเขาเจอในเมือง
แต่มันแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อพูดถึงปีศาจ เนื่องจากการโฆษณาชวนเชื่อของศาสนจักรมนุษย์ส่วนใหญ่จะแสดงความเกลียดชังเมื่อพบปีศาจ
หากปีศาจโกลาหลเดินไปเดินมาในเมืองมนุษย์ พวกเขาต้องปกปิดตัวตนของตัวเอง แต่ถึงแม้พวกเขาจะทําได้ แต่ก็ยังเป็นอันตรายมากในการจะพยายามอาศัยอยู่ในใจกลางของนอร์แลนด์
พริกไม่ได้พยายามจะปรับพฤติกรรมใดๆ ผู้หลอกลวงคนนี้เป็นคนที่ไม่ชอบพูดชอบคุยมากนัก
เพสเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ และเดินตามพริกไปที่โรงเตี๊ยมใจหิน
ทันทีที่พวกเขาเข้าสู่ย่านการค้า ทหารรักษาการณ์สาวก็เริ่มสงสัยพริกมากขึ้น
ตามการรับรู้ของนาง นางสามารถบอกได้ว่าจํานวนผู้วิเศษบนถนนสายนี้มีมากผิดปกติ ยิ่งไปกว่านั้นผู้วิเศษเหล่านั้นส่วนใหญ่ไม่ใช่พวกใหม่จากโรงเรียนเวทมนตร์
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าความสงสัยไม่รู้สึกถึงการเป็นปรปักษ์จากผู้วิเศษเหล่านั้น นางอาจจะนําอาวุธของนางออกมาและเตรียมพร้อมสําหรับการต่อสู้แล้ว
“ที่นี่แหละ”
พริกพาเพส มาที่ทางเข้าโรงเตี้ยมใจหิน พริกไม่เคยมาที่นี่มาก่อน แต่เขารู้จักย่านธุรกิจที่โจชัวกล่าวถึงในจดหมาย
เมื่อมาถึงย่านธุรกิจแล้ว พวกเขาก็สังเกตเห็นโรงเตี้ยมที่ชื่อว่า “ใจหิน” ได้ไม่ยาก
“เจ้าแน่ใจหรอ?”
เพสสํารวจสภาพแวดล้อมของโรงเตี้ยม หลังจากมาถึงโรงเตี้ยมแล้ว นางสังเกตเห็นว่าผู้วิเศษที่เดินไปรอบๆ ย่านธุรกิจต่างก็มาที่โรงเตี้ยมนี้
พวกเขาจะเข้าหรือไม่ก็ออกจากโรงเตี้ยม…
“แน่ใจ” ไม่มีร้านเหล้าที่ชื่อใจหินอื่นในย่านธุรกิจนี้
“นี่เป็นสถานที่ที่โจชั่ว แอนเนอลาวด์ซ่อนตัวอยู่?”
มีโรงเตี้ยมอยู่ในเมืองหลวงของอาณาจักรปีศาจเช่นกัน จากการเป็นทหารรักษาการณ์มาหลายปีเพส รู้ดีว่านอกจากการดื่มแล้ว โรงเตี๊ยมยังเป็นสถานที่พบปะสังสรรค์สําหรับองค์กรใต้ดินบางแห่งอีกด้วย
แม้ว่าโรงเตี้ยมที่อยู่ตรงหน้านางจะดูไม่ได้มืดมิด…แต่ก็เป็นไปได้ไหมที่เป้าหมายของนางจะซ่อนตัวอยู่ใน
พริกผลักประตูทเปิดและเดินเข้าไปในโรงเตี้ยมใจหิน เพสตามเขาเข้าไปข้างใน
แต่ทันทีที่นางเข้าไปในโรงเตี๊ยม นางรู้สึกถึงบางสิ่งที่นางเกลียด…พลังของแสงศักดิ์สิทธิ์
เพสค้นหาแหล่งที่มาของพลังแสงศักดิ์สิทธิ์ทันที
โรงเตี๊ยมนี้มีขนาดใหญ่กว่าโรงเตี้ยมเล็ก ๆ ของอาณาจักรอสูรที่เต็มไปด้วยซัคคิวบิหลายเท่า แต่นางยังคงสามารถมองเห็นผู้หญิงผมสั้นสีทองท่ามกลางเหล่าจอมเวทย์ได้อย่างรวดเร็ว…
“เมสซาแม้ว่าเจ้าจะครอบครองจ้าวแห่งไฟ แร็กนารอส เจ้าก็ไม่สามารถเอาชนะข้าได้ วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้สัมผัสกับความกลัวว่าเจ้าจะไม่มีวันไปถึงระดับตํานานได้”
“….”
นี่เป็นการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นที่สุดในประวัติศาสตร์ใจหินของเมสซา นางพบคู่ต่อสู้เก่า ผู้สอบสวนจากศาลนอกรีต เชอรี่
เชอรี่น่าจะกลับไปที่เมืองแสงศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางกลับมาที่นอร์แลนด์ เมสซาไม่รู้ว่านางกลับมาทําไม แต่ดีไซเลสไม่ได้ออกคําสั่งให้นําเชอรี่กลับไปที่ศาสนจักรอีก
ด้วยเหตุนี้เมสซาจึงรู้สึกว่าการกลับมาของเชอรี่ค่อนข้างแปลก แต่นางเป็นเพียงเทมพลาร์และไม่มีคุณสมบัติพอที่จะสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมของ “ผู้สอบสวน
พรสวรรค์ของเชอรี่ในใจหินนั้นมีมากกว่าเมสซามาก แม้แต่โชคของนางก็ยังดีกว่าของเมสซา หลายครั้งในระหว่างการแข่งขัน เมสซาคิดว่าพระเจ้าของนางกําลังยืนอยู่ข้างผู้สอบสวนคนนี้
ในท้ายที่สุด แมตช์ของพวกเขาจบลงเพราะเชอรี่ใช้สํารับที่ผู้วิเศษมอบให้และเอาชนะเมสซาโดยเหลือ 1 ชีวิต
หลังจากการแข่งขันจบลง ก่อนที่เมสซาจะถามเชอรี่ว่าทําไมนางถึงกลับมาที่นอร์แลนด์อีกครั้งตาที่สามของนางก็ตรวจพบกลิ่นไม่ดี
กลิ่นเลือดเข้มขันการรับรู้พิเศษที่สวรรค์มอบให้กับเมสซาทําให้นางได้กลิ่นเลือดฉุน
เมสซาเคย “ได้กลิ่น” เลือดแบบนี้เพียงครั้งเดียว มันมาจากความบ้าคลั่งของฆาตกรที่ชั่วร้าย
ไม่มีผู้วิเศษคนใดในโรงเตี้ยมตรวจพบกลิ่นเลือด เชอรี่ตรวจไม่พบ นางกําลังยุ่งอยู่กับการเปิดซองการ์ดที่นางได้รับจากเมสซา
เมสซาลุกขึ้นจากที่นั่งผ่านการรับรู้ที่นางได้รับจาก ‘ตาที่สาม ของนาง นางมองไปที่ทางเข้า
ดวงตาของเทมพลาร์จับจองเพสที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าทันที เมื่อดวงตาของเมสซาสบตากับดวงตาสีแดงเพลิงคู่นั้น นางก็จําตัวตนของคนที่นางกําลังมองได้
แวมไพร์! พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ชั่วร้ายที่เกี่ยวข้องกับพวกปีศาจ! แต่แตกต่าง แวมไพร์เป็นสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายที่ถือว่ามนุษย์เป็นอาหาร
เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีเผ่าพันธุ์แปลกๆ ปรากฏขึ้นในโรงเตี้ยมใจหินมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่จะไม่มีความอาฆาตพยาบาทต่อมนุษย์ก็ตาม
แต่เมสซารู้สึกถึงความเกลียดชังที่ชัดเจนจากแวมไพร์ตนนั้น…
นางไม่ได้มาที่โรงเตี้ยมแห่งนี้เพื่อเล่นใจหิน นางมาที่นี่เพื่อจุดประสงค์อื่น
อักษรรูนสีทองปรากฏบนแขนของเมสซา วันนี้เป็นวันหยุดของนาง ในช่วงวันหยุดของนาง นางจะมาเที่ยวที่โรงเตี๊ยมใจหิน ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่ได้นําอาวุธติดตัวมาด้วย
แต่ถึงแม้จะไม่มีอาวุธ นางก็ยังคงเป็นนักรบที่ทรงพลังด้วยพลังแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์
ถ้าเมสซาคิดเพื่อประโยชน์ของศาสนจักรนางก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปกป้องโรงเตี้ยมแห่งนี้ ท้ายที่สุดนี่คือรั้งของปีศาจ
แต่ศรัทธาของเมสซาไม่ได้อยู่ที่ศาสนจักรศรัทธาของนางอยู่กับคุณธรรม
และที่สําคัญที่สุด…นางเป็นผู้เล่นใจหิน…