เซียนกระบี่มาแล้ว - บทที่ 2069 แย่งชิงความดีความชอบ
เห็นได้ชัดว่าขุนนางหญิงเหลียวจี๋ต้องการจะรับความดี ความชอบแต่เพียงผู้เดียว นางจึงน าศพของหลินเป่ยเฉินกลับมาด้วย
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าศพของหลินเป่ ยเฉินกลับตกมาอยู่ในมือของ เจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจร
แต่เขากลับรู ้สึกไม่สบายใจ
เพราะเจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรตระหนักว่ามีบางอย่าง ผิดปกติ เนื่องจากก้อนเมฆโลหิตก้อนนี้ยังคงเคลื่อนที่ไปข้างหน้า นั่น หมายความว่าจอมเทพบรรพบุรุษผู้ควบคุมก้อนเมฆยังคงมีชีวิตอยู่
สุดท้าย ศพของหลินเป่ ยเฉินก็จะต้องตกไปอยู่ในมือของจอม เทพบรรพบุรุษผู้นั้นอยู่ดี ตัวเจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรมีพลังอยู่ ในขั้นจอมเทพอนันต์ แล้วจะไปสู้รบปรบมือกับจอมเทพบรรพบุรุษได้ อย่างไร?
ไม่ต้องสู้ดีกว่า
ใครอยากได้ศพของหลินเป่ยเฉินก็เอาไปเถอะ
ขอแค่มีชีวิตรอดกลับไปก็พอแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรก็รู ้สึกสบายใจ มากขึ้น
เขากวาดตามองรอบตัว เพราะรู ้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวอย่าง กะทันหัน
แล้วเจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรก็เห็นว่า เริ่มมีเงาร่างของ ผู้คนปรากฏตัวขึ้นบนก้อนเมฆ ปรากฏว่ายังคงมี ‘ผู้ร่วมปฏิบัติการ’ รอดชีวิตมาจากเงื้อมมือของหวังจงอีกประมาณแปดคน และบัดนี้ทุก คนก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว
เจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรไม่ได้รอดชีวิตมาแต่เพียงผู้เดียว อย่างที่เขาเข้าใจในตอนแรก
นี่เป็ นเรื่องที่น่าตกตะลึงยิ่งนัก
ผู้ร่วมปฏิบัติการลอบสังหารในครั้งนี้มีทั้งหมดหลายร ้อยคน
แต่เมื่อถึงเวลาเดินทางกลับ ก็เหลือผู้คนไม่ถึงสิบคนแล้ว
ในบรรดาผู้ร่วมปฏิบัติการที่ล่วงลับไปนั้น หลายสิบคนอยู่ในขั้น จอมเทพอนันต์ อีกมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ในขั้นจอมเทพจักรา แต่ ทั้งหมดก็ต้องนาชีวิตไปทิ้งเอาไว้ในแผ่นดินของอาณาจักรเกิงจิน…
เผ่ามนุษย์ทะเลทรายไม่เคยเสียหายใหญ่หลวงถึงเพียงนี้มาก่อน
แต่โชคดีที่เขายังรอดชีวิตกลับมา
เจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรรู ้สึกว่าแค่ได้กลับบ้านอย่าง ปลอดภัยก็ถือเป็ นความสาเร็จอันยิ่งใหญ่แล้ว
น่าเสียดาย
น่าเสียดายที่หลินเป่ยเฉินตายแล้ว
ในอนาคตหลังจากนี้ เจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรก็ไม่รู ้จะ เอาสินค้าที่ไหนมาขายอีกแล้ว
เมื่อความคิดดาเนินมาถึงตรงนี้ เจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจร ก็รู ้สึกว่า ศพของหลินเป่ ยเฉินที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาดูแปลก ประหลาดไม่น้อย แขนข้างหนึ่งของศพไม่ทราบเลยว่าหลบไปอยู่ข้าง หลังตั้งแต่เมื่อไหร่และเขาก็ไม่ทราบเลยว่าแขนข้างนั้นไปอยู่ตรงนั้น ได้อย่างไร ซึ่งนั่นก็เป็ นจังหวะเดียวกับที่มีกลิ่นสุราลอยมาเตะจมูก พอดี…
“อะแฮ่ม…”
เสียงของขุนนางหญิงเหลียวจี๋ดังขึ้น ไม่ทราบเลยว่านางปรากฏ ตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
เหลียวจี๋นาน้าเต้าบรรจุสุราออกมาเปิดฝาจุกและกระดกดื่ม
กลิ่นสุราแผ่กระจายทันที
เจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรอดสงสัยไม่ได้ว่า ‘สตรีผู้นี้เริ่ม ดื่มสุราตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เมื่อก่อนนางรังเกียจสุรายิ่งกว่าอะไรดีนี่นา’
แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เมื่อสามารถหลบหนีจากความตายได้สาเร็จและภารกิจก็ลุล่วง แล้ว เจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรจึงไม่อยากจะคิดสิ่งใดให้มาก ความ เขาเพียงอยากจะกลับไปรับความดีความชอบเท่านั้น
แต่เมื่อนึกถึงความตายของหลินเป่ ยเฉิน เจ้าของร ้านเพื่อนพ้อง พี่น้องโจรก็ยังคงรู ้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งอยู่ดี
เขาไม่มีแหล่งสินค้าให้น ามาจ าหน่ายอีกแล้ว
หากหลินเป่ยเฉินยังคงมีชีวิตอยู่ก็คงประเสริฐสุด ร ้านค้าของเขา จะต้องไม่มีปัญหาเรื่องขาดแคลนสินค้าอย่างแน่นอน
แต่บัดนี้ไม่มีหลินเป่ยเฉินอยู่อีกต่อไป
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ยิ่งเวลาผ่านไปนานมากเท่าไหร่ ก้อนเมฆโลหิตก็ยิ่งเคลื่อนตัวช ้า ลงเท่านั้น
ในที่สุดก้อนเมฆโลหิตก็สลายตัวไป
เจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรและผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ ได้ที่พัก พิงเป็ นดาวเคราะห์ร ้างดวงหนึ่ง
ก้อนเมฆโลหิตที่สลายตัวลงไปนั้น รวมตัวกลับคืนมาใหม่ กลายเป็ นร่างของมนุษย์ผู้หนึ่ง เขาเป็ นชายวัยกลางคนท่าทางสง่า งาม แต่สภาพในขณะนี้เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส
ชายวัยกลางคนผู้เป็ นจอมเทพบรรพบุรุษกล่าวว่า “ที่นี่อยู่ไม่ห่าง จากจุดทิ้งสมอหมายเลข 650 ขอข้าพักฟื้นสักครู่ แล้วพวกเราจะได้ เดินทางกลับอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์กัน”
เขาถูกวิชาค านับพิฆาตของหวังจงเล่นงาน ท าให้พลังวิญญาณ ถูกท าลายไปหลายส่วน
หากเปลี่ยนเป็ นผู้อื่นคงถึงแก่ความตายไปเรียบร ้อยแล้ว
เมื่อแน่ใจว่าหลบหนีมาได้ในระยะปลอดภัย จอมเทพบรรพบุรุษผู้ ควบคุมก้อนเมฆโลหิต ก็ตัดสินใจหยุดพักเพื่อฟื้นฟูพลังของตนเอง
และเมื่อเขาเห็นศพของหลินเป่ ยเฉิน รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาบน ใบหน้าของจอมเทพบรรพบุรุษผู้นี้ทันที
ประเสริฐ
ในที่สุดหลินเป่ยเฉินก็ตายแล้ว
ศพของหลินเป่ยเฉินตกมาอยู่ในมือของเขา
เมื่อนาศพไปส่งมอบให้แก่เผ่ามนุษย์ทะเลทราย เขาก็จะได้รับ ความดีความชอบใหญ่หลวง
จอมเทพบรรพบุรุษผู้ควบคุมก้อนเมฆโลหิตเชื่อมั่นว่า ตนเองจะ ได้ทรัพยากรสาหรับการเลื่อนขั้นพลังให้แข็งแกร่งมากกว่าเดิม
จังหวะนั้น เขาหันมาออกคาสั่งกับเหลียวจี๋ว่า “ส่งศพของมันผู้ นั้นมาให้กับข้า”
ขุนนางหญิงไม่กล้าลังเลรีรอ รีบลุกขึ้นและประคองศพของหลิน เป่ยเฉินส่งมอบให้แก่ชายวัยกลางคน
เมื่อมีศพมาอยู่ในมือ ดวงตาของชายวัยกลางคนก็เป็ นประกาย ระยิบระยับ เขาถ่ายเทพลังปราณเข้าไปในศพเพื่ออยากจะดูว่าอีก ฝ่ายมีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่
“อย่างนี้นี่เอง…”
จอมเทพบรรพบุรุษผู้ควบคุมก้อนเมฆโลหิตอุทานออกมาด้วย ความดีใจ
ดูเหมือนเขาจะค้นพบอะไรบางอย่าง
แต่ในทันใดนั้น จอมเทพบรรพบุรุษก็ต้องยืนตัวแข็งทื่อ
ปรากฏว่ามีฝ่ามือข้างหนึ่งประทับลงบนแผ่นหลังของเขา
และเจ้าของฝ่ ามือนั้นก็กาลังดูดกลืนพลังในร่างกายของเขา ออกไปอย่างต่อเนื่อง
“เจ้า…”
ชายวัยกลางคนไม่ทันระวังตัว รู้ตัวอีกทีพลังปราณในร่างกายก็ ถูกสูบออกไปอย่างไม่อาจหยุดยั้ง ตัวคนยืนแข็งทื่อ ไม่สามารถขยับ เขยื้อนร่างกายได้อีกแล้ว
เขาหันกลับมาจ้องมองที่เหลียวจี๋ด้วยความตกตะลึง
“ความดีความชอบต้องเป็ นของข้าเพียงผู้เดียว…จงลงนรกไปซะ เถอะ เจ้าสุนัขเฒ่า”
เหลียวจี๋แสยะยิ้มอย่างชั่วร ้าย
ตู้ม!
คลื่นพลังระเบิดอย่างรุนแรง
ร่างของจอมเทพบรรพบุรุษผู้นั้นระเบิดกระจายกลายเป็ นชิ้นเล็ก ชิ้นน้อย
กลุ่มผู้รอดชีวิตที่อยู่โดยรอบต่างก็ตกตะลึงทันที
เจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรแทบไม่อยากเชื่อสายตา
เหลียวจี๋มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพอสงไขย แล้วจะสามารถเอาชนะ จอมเทพบรรพบุรุษได้อย่างไร?
หรือเพื่อแย่งชิงศพของหลินเป่ ยเฉิ น นางจึงเกิดความ ทะเยอทะยานอันน่าเหลือเชื่อขึ้นมาแล้ว?
เหลียวจี๋เสียสติไปแล้วหรืออย่างไร?
ในลมหายใจตอบมา เมื่อจอมเทพบรรพบุรุษผู้ควบคุมก้อนเมฆ โลหิตฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ขอบเขตพลังของเขาก็ตกลงมาอยู่ใน ขั้นจอมเทพอนันต์ โดยไม่พูดคาใด ชายวัยกลางคนรีบหมุนตัวหมาย หลบหนีไปทันที
“ฮ่า ๆๆ เจ้าหนีไม่รอดหรอก ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมดทุกคน…”
เหลียวจี๋ระเบิดเสียงคารามด้วยความบ้าคลั่ง
แล้วร่างของจอมเทพบรรพบุรุษก็ระเบิดกลายเป็ นม่านหมอก เลือดไปอีกครั้ง
เมื่อเหตุการณ์ดาเนินมาถึงขั้นนี้ ผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ ก็เริ่มตั้งสติ ได้
ประโยคที่ว่า ‘ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมดทุกคน” ท าให้พวกเขาได้รู ้ ว่าความตายก าลังจะมาถึงตนเองแล้ว กลุ่มชายฉกรรจ์หมุนตัว หลบหนี โดยไม่มีผู้ใดคิดช่วยเหลือจอมเทพบรรพบุรุษเลยแม้แต่คน เดียว
อีกอย่างพวกเขาทุกคนล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส ความแข็งแกร่ง เดิมทีก็มีน้อยกว่าเหลียวจี๋อยู่แล้ว เข้าไปปะทะด้วยตอนนี้ก็มีแต่ตาย กับตายเท่านั้น
เจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรก็มีความคิดนี้เช่นเดียวกัน
ไม่มีเหตุผลที่เขาต้องเข้าไปเสี่ยงชีวิต
ชายวัยกลางคนผู้นั้นเคยเป็ นถึงผู้ที่อยู่ในขอบเขตจอมเทพบรรพ บุรุษ ถึงอย่างไรก็น่าจะรับมือได้อีกสักระยะ
เจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรหมุนตัวและหลบหนีออกมา
แต่หลบหนีออกมาได้ไม่ไกล ฝ่ ามือของใครบางคนก็ตะปบลงบน หัวไหล่ของเขา
“อย่าเพิ่งไป” เสียงของเหลียวจี๋ดังขึ้น