ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2985 บดขยี้ด้วยมือเดียว
ตอนที่ 2985 บดขยี้ด้วยมือเดียว
สังหารในกระบวนท่าเดียว พูดได้ทำได้จริง ทำให้บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างนิ่งเงียบ กระทั่งมีผุ้ที่รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง
หลวงจีนต้าเจวี๋นั้นแข็งแกร่งเพียงใด เป็นราชครูคนก่อนของจักรวรรดิมี่เทียน มรรคแก่กล้าสื่อสารเทพได้ เคยมีราชันแท้จริงจำนวนเท่าใดที่ยกย่องให้เขาเป็นแขกผู้มีเกียรติ แต่แล้ว มาวันนี้กลับถูกหลี่ชิเย่สังหารในกระบวนท่าเดียว
ลองถามบรรดาผู้ที่อยู่ในงานว่ามีใครสามารถสังหารเขาในกระบวนท่าเดียวได้บ้าง? ไท่อิ๋นสี่ก็ไม่เห็นว่าสามารถทำเช่นนั้นได้ ถ้าหากจะมีผู้ที่สามารถทำได้ หนึ่งเดียวที่ทุกคนสามารถนึกขึ้นได้ก็คือนางฟ้าแห่งเขาหวู่สิงซาน
แต่ว่า เวลานี้นาทีนี้ หลี่ชิเย่อาศัยมือเปล่าแค่ฟันฉับไปหนึ่งกระบวนท่าเท่านั้นก็สังหารได้แล้ว มันช่างเป็นความน่ากลัวอะไรขนาดนั้น เป็นความสยองขวัญเพียงใด
ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนไม่น้อยถึงกับร่างสั่นเทา เมื่อมองเห็นหลวงจีนต้าเจวี๋หายวับไปกับตาในพริบตาภายใต้หนึ่งกระบวนท่า โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ให้ความเคารพต่อหลี่ชิเย่เมื่อครู่ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงในใจ พวกเขายอมรับว่าแข็งแกร่งสู้หลวงจีนต้าเจวี๋ไม่ได้ กระทั่งเทียบไม่ได้กับหลวงจีนต้าเจวี๋ เวลานี้หลวงจีนต้าเจวี๋ยังถูกหลี่ชิเย่สังหารไปในกระบวนท่าเดียว เมื่อเป็นเช่นนั้น หากพวกเขาลงมือกับหลี่ชิเย่ จุดจบก็คงดีไปกว่ากันไม่เท่าไร
สวี๋เซียวจิ่นที่มองเห็นหลวงจีนต้าเจวี๋ถูกหลี่ชิเย่สังหารในกระบวนท่าเดียวก็ได้แต่ทอดถอนใจเบาๆ นางเองก็ไร้กำลังมากพอที่จะช่วยอะไรได้
พวกเขาต่างกำเนิดจากสายเดียวกัน ต่างก็เป็นศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฉงปี้เหมือนกัน และเป็นความจริงที่หลวงจีนต้าเจวี๋ได้สืบทอดสัจธรรมของปฐมบรรพบุรุษของพวกเขา ในฐานะที่เป็นสำนักเดียวกัน สวี๋เซียวจิ่นย่อมไม่ต้องการให้หลวงจีนต้าเจวี๋ต้องตายอนาถ จะอย่างไรเสียก็คือศิษย์สำนักเดียวกัน
เสียดาย มันเป็นการรนหาที่ตายของหลวงจีนต้าเจวี๋ เนื่องจากหลี่ชิเย่เคยเตือนพวกเขามาก่อนหน้านี้ และสวี๋เซียวจิ่นเองก็กล่าวเตือนสติหลวงจีนต้าเจวี๋มาครั้งแล้วครั้งเล่า เสียดาย หลวงจีนต้าเจวี๋กลับมีอัตตาสูง กระทำการโดยยึดความคิดตนเป็นใหญ่ สุดท้ายต้องพบกับจุดจบเช่นนี้
ภายในใจของสวี๋เซียวจิ่นรู้ดีว่า พลันที่หลี่ชิเย่ลงมือทุกอย่างก็ชัดเจนไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อีก เขาต้องการสังหารหลวงจีนต้าเจวี๋ ใครคิดจะลงมือเข้าช่วยเหลือก็ไม่มีประโยชน์ แค่บวกเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งชีวิตเท่านั้นเอง
เป็นคนที่โหดมาก…ขณะที่ทุกคนอยู่ในความเงียบสงัด เสียงทุ้มต่ำที่ดุเดือดรุนแรงเสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นเสียงจากร่างจำแลงของเทพสงครามจินเปี้ยน นาทีนี้ร่างจำแลงของเทพสงครามจินเปี้ยนพลันมีดวงตาทั้งสองที่ดูร้อนแรงยิ่ง เสมือนดั่งดวงตะวันนับแสนดวงระเบิดขึ้นภายในดวงตาทั้งสองของเขาอย่างนั้น กลิ่นอายราชันแท้จริงที่น่ากลัวพลันแตกกระจายจากดวงตาทั้งสองของเขา เสมือนดั่งน้ำหลากยุคดึกดำบรรพ์ที่พุ่งโจมตีเข้าหาหลี่ชิเย่
เทพสงครามจินเปี้ยนคือหนึ่งในราชันแท้จริงที่แกร่งที่สุดคนหนึ่ง และเป็นราชันแท้จริงที่ชมชอบการต่อสู้ และเป็นที่เคารพยำเกรงมากที่สุดในยุคปัจจุบัน!
“ถึงกับกล้าทำร้ายคนที่นี่ ไม่มีขื่อมีแป! ” เสียงทุ้มต่ำที่เทพสงครามจินเปี้ยนพูดออกมาเสมือนดั่งสายฟ้าฟาดหมื่นพันที่ระเบิดขึ้นมา มองเห็นฟ้าแลบฟ้าร้องขึ้นมา ด้วยเหตุการณ์ที่ประหลาดเช่นนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นเทาขึ้นในใจ
ในเวลานี้เทพสงครามจินเปี้ยนเสมือนหนึ่งเป็นผู้พิพากษาสุงสุดที่ต้องการฟ้าผ่าลงมาสังหารหลี่ชิเย่เสียอย่างนั้น
“ข้าก็คือกฎ” หลี่ชิเย่ไม่คิดว่าจะมีอะไรดีนักหนา สำหรับการตวาดเสียงดังเช่นนี้ของเทพสงครามจินเปี้ยน แค่ยิ้มๆ เท่านั้นเอง
“อมิตาพุทธ สาธุ สาธุ” ในเวลานี้ ร่างจำแลงของหมิงหวังฝอก็ประนมมือ และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “สหายชื่นชอบการฆ่า สิ่งนี้หาใช่ความสุขของแดนลัทธิเซียน เพื่อความสุขของแดนลัทธิเซียนแล้ว ขอเตือนสหายวางดาบฆ่าคน บรรลุธรรมเป็นอรหันต์”
“ข้าก็คืออรหันต์” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ และกล่าวว่า “ใยจะต้องเป็นอรหันต์ เจ้าเป็นเพียงหลวงจีนปลอมๆ ที่ห่มจีวรเท่านั้น”
“เป็นวาจาที่สามหาวมาก” ดวงตาทั้งสองของเทพสงครามจินเปี้ยนพลันดูดุดันน่าเกรงขาม กลิ่นอายการฆ่าพวยพุ่ง กล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาว่า “นายด่านอิ๋น คนผู้นี้โหดร้ายมาก เป็นภัยพิบัติของแดนลัทธิเซียน ตามความเห็นของข้า ไม่ควรให้เขาได้หินก้อนนี้ไป ยิ่งไปกว่านั้นหากเป็นไปได้ควรลงโทษเขา”
“สาธุ อาตมาก็เห็นเป็นเช่นนั้น นี่เป็นการแสวงหาความสงบสุขให้กับแดนลัทธิเซียน” หมิงหวังฝอก็เห็นด้วยในเรื่องนี้
ทั้งเทพสงครามจินเปี้ยนและหมิงหวังฝอต่างเสนอให้มีการลงมือต่อหลี่ชิเย่ มาคราวนี้บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ จะอย่างไรเสีย เทพสงครามจินเปี้ยนและหมิงหวังฝอคือราชันแท้จริง และคงความอมตะตลอดกาลของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีน้ำหนักและกำลังความสามารถสูงสุดในยุคปัจจุบัน พวกเขามีอิทธิพลสูงมาก กระทั่งเรียกได้ว่ามีอำนาจบารมีสูงได้รับการสนับสนุนจากผู้คนมากมาย
ถ้าหาก เทพสงครามจินเปี้ยนและหมิงหวังฝอต่างต้องการสังหารใครสักคน เกรงว่าคนผู้นั้นยากจะมีที่ยืนในแดนลัทธิเซียน
“เรื่องนี้ เกรงว่าจะไม่เหมาะ” สำหรับข้อเรียกร้องเช่นนี้ของเทพสงครามจินเปี้ยน ไท่อิ๋นสี่ลังเลนิดหนึ่ง และส่ายหน้า
“อาศัยร่างจำแลงของพวกเจ้า กล้ากล่าววาจาไม่รู้จักอายต่อหน้าข้า” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดของหมิงหวังฝอและเทพสงครามจินเปี้ยน ยิ้มบางๆ และกล่าวว่า “วันนี้จะสังหารร่างจำแลงของเจ้าก่อน คราวหน้าค่อยสังหารร่างแท้จริงพวกเจ้า! ลงมือ”
อวดดี…ในขณะนี้ เทพสงครามจินเปี้ยนถูกทำให้โกรธโดยสิ้นเชิงแล้ว เทพสงครามจินเปี้ยนชื่นชอบการต่อสู้ยิ่งนัก ผ่านการสู้รบมาอย่างโชกโชน ไร้เทียมทานทั่วหล้า ผู้คนในแดนลัทธิเซียนไม่รู้จำนวนเท่าไรต้องสั่นเทาเมื่อได้ยินชื่อของเขา มีใครบ้างกล้ากำเริบเสิบสานต่อหน้าของเขา
มาวันนี้ หลี่ชิเย่กลับพูดขึ้นมาตามอารมณ์ประกาศว่าจะสังหารเขา แล้วจะไม่ให้เขาต้องโกรธอย่างยิ่งได้อย่างไรกัน
“สาธุ ประสกกล่าววาจาอวดดี…หมิงหวังฝอประนมมือกล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา ในฐานะที่เป็นหลวงจีนผู้บรรลุธรรมขั้นสูงจะไม่เกิดความโมหะโดยง่ายดาย แต่ว่า คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งแก่หมิงหวังฝออย่างชัดเจน
“พูดจาไร้สาระ” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย และกล่าวว่า “ลงมือ สังหารพวกเจ้า! ” ขาดคำ มือขนาดใหญ่ยื่นออกไปข้างหนึ่ง ตรงเขาสยบปราบปรามต่อหมิงหวังฝอและเทพสงครามจินเปี้ยน
เสียงตูมดังสนั่น มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ได้สยบปราบลงมา ทุกสิ่งล้วนเป็นสุญญตา ทุกสิ่งล้วนอยู่ภายใต้ฝ่ามือของเขา แม้ฟ้าดินกว้างไกลกว่านี้ แม้สรรพสิ่งยอดเยี่ยมมากกว่านี้ เมื่ออยู่ภายใต้เงื้อมมือของเขาแล้วก็ไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้ ล้วนแล้วแต่ถูกสังหาร
พูดไม่เข้าหูพลันลงมือทันที อีกทั้งเป็นการสยบปราบปรามต่อหมิงหวังฝอและเทพสงครามจินเปี้ยนด้วยมือข้างเดียว การกระทำที่พาลเช่นนี้ ทอดสายตามองออกไปทั่วแดนลัทธิเซียนเกรงว่าคงมีอยู่ไม่กี่คน
พุทธองค์ทรงเมตตา…หมิงหวังฝอเอ่ยคำสรรเสริญพุทธองค์ขึ้นมาเมื่อเผชิญกับมือขนาดใหญ่ที่สยบสังหารเข้ามา ในพริบตาเดียวนั่นเอง ตัวของเขาปรากฏประกายสีทองระยิบระยับ พลันกลับกลายเป็นพุทธรูปสูงหมื่นจ้างองค์หนึ่ง
พริบตาเดียวนั้น ได้ยินเสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ด้านหน้าบริเวณอกของเขาได้แปรเปลี่ยนเป็นทะเลพุทธที่ไร้ขอบเขตอย่างน่าอัศจรรย์ พระธรรมไร้ขอบเขต ทะเลพุทธที่เกิดขึ้นกะทันหันหวังยกตัวมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ขึ้น และต้องการท่วมมือขนาดใหญ่ที่เข้าสยบให้จมมิด
ในขณะเดียวกัน ได้ยินเสียงตูมดังสนั่น มองเห็นหมิงหวังฝอสำแดง ‘ท่ามุททาอจลนาถ’ พระธรรมยิ่งใหญ่ไพศาล ท่ามุททาอจลนาถพลันเข้าโจมตีหลี่ชิเย่ในทันที
ตูม ตูม ตูมฟ้าดินสั่นไหวโคลงแคลง ท่ามุททาอจลนาถสามารถสยบและปราบเหล่าเทพ บดขยี้ทำลายเหล่ามาร ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ใจหายใจคว่ำอยู่ในใจ เมื่อท่ามุททาอจลนาถสยบปราบลงมา นี่ขนาดเป็นเพียงกายจำแลงของหมิงหวังฝอเท่านั้นเอง ก็มีอานุภาพแกร่งถึงเพียงนี้แล้ว ถ้าหากร่างจริงมาด้วยตนเองมิแย่หรอกรึ
เกรงว่าผู้อยู่ในงานคงมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถต่อกรกับเขาได้แล้ว
ตึง…เสียงคำรามของทวนดังขึ้นมาไม่ขาดสาย เมื่อเทพสงครามจินเปี้ยนเผชิญกับหนึ่งฝ่ามือของหลี่ชิเย่ที่สยบเข้ามา ได้กำทวนยาวในมือ ซึ่งเป็นทวนยาวที่ส่งประกายสีทองระยิบระยับเล่มหนึ่ง ตัวทวนยาวพันจ้าง หนึ่งทวนที่สำแดงออกไปสามารถโจมตีดวงดาวดวงหนึ่งจนระเบิด
ฆ่า…เทพสงครามจินเปี้ยนส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง เมื่อมีการร่ายรำทวนยาว สุริยันจันทราลาดเอียง ดวงดาวร่วงหล่นลง พลันเสมือนดั่งวันสิ้นโลกอย่างนั้น หนึ่งทวนสังหารนับพันนับหมื่น น่าสยองขวัญยิ่งนัก ฆ่าฟันไร้ซึ่งความปราณี
เทพสงครามจินเปี้ยนอาศัยการสู้รบสะเทือนใต้หล้า ไหนเลยเขาจะเป็นประเภทมีชื่อเสียงจอมปลอม ทวนยาวแหวกอากาศเสมือนดั่งไฟลามทุ่ง ท่ามกลางเสียงตึง ตึง ตึงนั้น ประกายกระบี่กลับกลายเป็นน้ำตกสวรรค์แต่ละสายที่เทราดลงมา พลันพุ่งเข้าโจมตีหลี่ชิเย่
ในเสี้ยววินาทีนั่นเอง ท้ายสุดเสียงคำรามของทวนดังตึงขึ้นมาไม่ขาดสาย ท่ามกลางประกายทวนที่ไม่มีสิ้นสุด ในที่สุดหนึ่งทวนได้จู่โจมอย่างรวดเร็ว มองเห็นทวนยาวที่เสมือนดั่งมังกรทองออกมาจากทะเล แยกเขี้ยวฟ้อนเล็บ ฉีกฟ้าดินจนฉีกขาด แทงทะลุหมื่นอาณาจักร
ท่ามกลางหนึ่งทวนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเทพแท้จริงที่แข็งแกร่งเพียงใด หรือราชันแท้จริงที่ปราศจากผู้เทียบเทียมเช่นใด เกรงว่าคงต้องถูกสังหารอยู่ตรงนั้น
แกร่งมาก…ผู้อยู่ในเหตุการณ์จำนวนไม่น้อยต่างใจหายใจคว่ำ เมื่อมองเห็นหมิงหวังฝอและเทพสงครามจินเปี้ยนลงมือพร้อมกัน ฆ่าฟันโดยไร้ความปราณี
“ฝีมือต่ำต้อยเท่านั้นเอง” อย่างไรก็ตาม หลี่ชิเย่ไม่ได้เลิกกระทั่งหนังตาด้วยซ้ำ เมื่อเผชิญหน้ากับการสังหารรของหมิงหวังฝอและเทพสงครามจินเปี้ยน
เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว มือขนาดใหญ่ข้างนั้นของหลี่ชิเย่พลันปรากฏประกายที่พวยพุ่งขึ้นมาไม่ขาดสาย โลกทั้งโลกล้วนอยู่ภายใต้การบดขยี้ของมือขนาดใหญ่ของเขา ในพริบตาเดียวนั่นเอง มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่พลันระเบิดอานุภาพสูงสุดขึ้นมา ภายใต้หนึ่งฝ่ามือนี้ สิ่งมีชีวิตทั้งหมด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ผู้ดำรงอยู่ในฐานะสูงสุดทั้งหมด ล้วนแล้วแต่เป็นได้เพียงมดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง
แย่แล้ว…จังหวะที่มือขนาดใหญ่พลันระเบิดอานุภาพสูงสุดขึ้นมานั้น ไม่รู้ว่าผู้อยู่ในเหตุการณ์จำนวนเท่าไรสีหน้าเปลี่ยนไปมากทีเดียว ร้องเสียงดังขึ้นมาด้วยความหวาดผวา
เสียงปัง…ดังสนั่นหวั่นไหว มือขนาดใหญ่สยบลงมา ที่แตกละเอียดก่อนใครก็คือมุททาอจลรถ ได้ยินเสียงร้องน่าเวทนาอ๊ากกกดังขึ้น แขนทั้งสองข้างของหมิงหวังฝอถูกโจมตีจนแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ
ตามติดด้วยเสียงแตกหักดังตึง มังกรทองที่แยกเขี้ยวฟ้อนเล็บนั่นพลันดับสลาย ภายใต้มือขนาดใหญ่ เห็นเพียงทวนยาวสีทองถูกโจมตีจนหัก ท่ามกลางการแตกละเอียด เศษโลหะที่ละเอียดนับไม่ถ้วนปลิวว่อน
ตูม…ตูม…ตูม…เสียงสยบบดขยี้ทำลายดังก้องไปทั่วฟ้าดิน สีหน้าของเทพสงครามจินเปี้ยนและหมิงหวังฝอเปลี่ยนไปมากทีเดียว และรู้สึกหวาดผวา พริบตาเดียวนั่นเองพวกเขาต่างคิดจะหลบหนีไป
แต่ว่า ภายใต้มือขนาดใหญ่ ทุกอย่างล้วนไม่สามารถหลบหนีไปได้ ต่อให้ฟ้าดินกว้างใหญ่มากกว่านี้ก็หนีไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อต้องอยู่ภายใต้ฝ่ามือนี้
เสียงแตกละเอียดดังปัง ปัง ปังขึ้นมา มองเห็นหมิงหวังฝอที่สูงหมื่นจ้างค่อยๆ แตกละเอียด ประกายพุทธสีทองนับไม่ถ้วนปลิวกระจายออกไป
อ๊ากกก…เสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้น มองเห็นเทพสงครามจินเปี้ยนที่แม้ว่าประกายศักดิ์สิทธิ์ไม่มีสิ้นสุดได้ยิงถล่ม สัจธรรมราชันแท้จริงก็ยิงใส่หลี่ชิเย่ แต่ว่า ไม่สามารถต้านฝ่ามือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ได้ ล้วนแล้วแต่แตกละเอียดไป ท่ามกลางเสียงร้องที่น่าเวทนานั้น เทพสงครามจินเปี้ยนก็ถูกบดขยี้จนกลายเป็นผุยผง ปลิวกระจายไปตามสายลม
ในพริบตาเดียวนั่นเอง ร่างจำแลงทั้งสองของหมิงหวังฝอและเทพสงครามจินเปี้ยนพลันถูกบดขยี้ทำลาย และปลิวกระจายไปตามลม ไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้
พริบตาเดียวที่ร่างจำแลงของพวกเขาถูกบดขยี้ทำลาย ณ ท้องฟ้าทางด้านเหนือซึ่งอยู่ไกลโพ้นนั่น หมิงหวังฝอและเทพสงครามจินเปี้ยนพวกเขาต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากทีเดียว
แย่แล้ว…พวกเขาต่างร้องขึ้นมาด้วยความตระหนก แต่ว่า ในขณะนี้ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสายไปเสียแล้ว พวกเขากระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
ในเวลานี้ พวกเขารู้แล้วว่าได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาแล้ว แม้จะอยู่ห่างไกลกันเป็นล้านล้านลี้ สีหน้าของพวกเขาดูไม่จืดถึงขีดสุด
………………………………………………………………