ดวงใจภวินท์ - บทที่ 1004 ตอนจบ
ดวงใจภวินท์ บทที่ 1004 ตอนจบ
หลังจากปลอบใจภรรยาเสร็จแล้ว ภวินท์ก็ไม่ลืมจัดงานเรื่องงาน เขาสั่งคนให้ไปจับตัวณภัทรให้มาอยู่เป็นเพื่อนกันกับนารา
เมื่อนาราเหลือบมองณภัทรที่อยู่ข้าง ๆ เธอก็รู้ว่าทุกอย่างมันจบลงแล้ว เธอจึงยอมสารภาพเรื่องราวทุกอย่างที่เธอทำมาตลอดหลายปีอย่างตรงไปตรงมา เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอทำกับอัญมณี ทุกคนต่างก็รู้สึกโกรธขึ้นมาตาม ๆ กัน โดยเฉพาะผู้ชายอย่างพายุเขาแทบทนไม่ไหวจนต้องพุ่งตัวเข้าไปชกลงที่พื้นข้าง ๆ ตัวนารา
มือของพายุเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด เขามองนาราด้วยสายตาดุดัน สายตาของเขาดุร้ายราวกับอยากจะฆ่าเธอให้ได้ นาราตกใจกลัวจนคอหด ได้แต่เอนตัวขยับเข้าไปใกล้ณภัทรพยายามทำให้ตัวเองรู้สึกปลอดภัยและไม่กล้าแม้แต่จะมองพายุอีกเลย
มือของพายุเจ็บ แต่ว่าหัวใจของเขาเจ็บยิ่งกว่า เขาเกลียดตัวเองที่เลิกสนใจอัญมณีเพียงเพราะคลิปวิดีโอเพียงคลิปเดียว แถมยังยอมเซ็นชื่อในหนังสือหย่าและทิ้งให้อัญมณีต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการป่วยกำเริบเพียงลำพัง
เป็นเพราะเขา มันเป็นความผิดของเขาทั้งหมด
ภวินท์เดินเข้าไปรั้งพายุพลางตบไหล่ของเขาเบาๆ แล้วพูดขึ้นว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือนายต้องไปอยู่เป็นเพื่อนอัญมณีเพื่อให้อาการป่วยของเธอกลับมาเป็นปกติ เธอต้องการนาย”
เขาเหลือบมองนาราที่กองอยู่บนพื้น “ส่วนพวกเขาเดี๋ยวพวกเราจัดการเอง รีบไปเถอะ”
พายุพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ แล้วรีบออกจากโรงงานร้าง ใช่แล้วตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อันอัน
หลังจากนั้นธีทัตก็จัดการหย่ากับนาราอย่างรวดเร็ว ส่วนนารากับณภัทรก็ได้ชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำลงไปด้วยการต้องติดคุกนานหลายปี
เมื่อได้พายุและเพื่อน ๆ คอยอยู่ข้าง ๆ อาการของอัญมณีก็ค่อย ๆ ดีขึ้น
วันนี้ญาธิดาและขวัญตาพาอีธาน เอลล่าและไรอันไปเยี่ยมอัญมณี พวกเขาก็ได้เห็นอัญมณีซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของพายุด้วยใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้ม พายุก็คอยพูดหยอกล้อให้เธอมีความสุข แถมในมือก็ถือดอกไม้อยู่ด้วยหนึ่งดอก
“อันอันมีความสุขแบบนี้ มีเรื่องอะไรดี ๆ เหรอ” ญาธิดาเอ่ยปากทำลายบรรยากาศแสนอบอุ่น เด็ก ๆ ทั้งสามคนก็พากันร้องเสียงหวานทักทาย
“พายุบอกว่าอยากจะจัดงานแต่งงาน พวกเรากำลังคุยเรื่องนี้กันอยู่” อัญมณีกระซิบเบา ๆ
หลังจากความเข้าใจผิดคลี่คลาย และอาการป่วยของอัญมณีดีขึ้น อัญมณีกับพายุก็ไปจดทะเบียนสมรสกันใหม่อีกครั้ง การจัดงานแต่งก็เป็นอะไรที่ฟังดูสมเหตุสมผล
“จะจัดเมื่อไหร่เหรอ ไว้ถึงตอนนั้นพวกเราจะจัดการแต่งตัวให้เธอสวย ๆ วันนั้นเธอต้องเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดแน่นอน” ญาธิดากุมมือของเธอและรู้สึกยินดีกับเธอมาก ๆ
ทว่าอัญมณีกลับไม่ได้ตอบคำถามของญาธิดา แต่กลับเหลือบมองไปที่ขวัญตาที่อยู่ข้าง ๆ “พี่ขวัญตา เมื่อไหร่พี่จะยอมตอบรับพี่ชายของฉันล่ะ ฉันยังแอบคิดอยู่เลยว่าพวกเราจะจัดงานแต่งงานพร้อมกันดีไหม อีกอย่างตำแหน่งพี่สะใภ้ฉันยอมรับแค่พี่คนเดียวเท่านั้นนะ”
วันนั้นหลังจากขวัญตากับเอลีได้พบกันเธอก็ปฏิเสธความรู้สึกดี ๆ ที่เอลีมีต่อเธอไปอย่างเด็ดขาด หลายปีที่ผ่านมาหัวใจของเธอยังปล่อยวางธีทัตไมได้ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังมีไรอันอีกคน จึงไม่คิดอยากจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่กับใคร
แต่หลังจากธีทัตหย่าแล้ว เขาก็เริ่มตามจีบขวัญตาอย่างเต็มกำลัง แม้แต่ไรอันก็ถูกเขาดึงมาเป็นพวกได้สำเร็จแล้ว วัน ๆ ก็แต่พูดว่าเขาดีอย่างนั้นเขาดีอย่างนี้ต่อหน้าขวัญตาทุกคน จนทำให้หัวใจที่หนักแน่นของขวัญตาเริ่มจะสั่นคลอน
“ฉัน…” ขวัญตาเพิ่งจะเอ่ยปากพูดจู่ ๆ ก็ถูกใครบางคนขัดจังหวะขึ้นมา
ไม่รู้ว่าธีทัตเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ในมือของเขาถือช่อดอกไม้ ซึ่งเป็นดอกลิลลี่สีชมพู ซึ่งเดิมทีเขาซื้อมาเพื่อจะมาเยี่ยมอัญมณี แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเอามาฝากขวัญตาซะอย่างนั้น เขาคุกเข่าลงต่อหน้าขวัญตา “ขวัญ ให้โอกาสฉันอีกสักครั้งนะ ฉันจะดีกับเธอแล้วก็ไรอัน และจะไม่มีทางทำร้ายเธออีกแล้ว แต่งงานกับฉันอีกครั้งนะ”
ขวัญตาน้ำตาคลอเบ้า แต่เธอกลับเอาแต่นิ่งไม่ขยับ คนรอบข้างต่างช่วยกันตะโกนเชียร์ให้เธอตอบตกลง ไรอันถึงขนาดวิ่งออกมากอดขาของเธอก่อนจะเงยหน้าเล็ก ๆ ขึ้นมอง พร้อมกับพูดภาษาไทยอย่างคล่องแคล่วว่า “แม่ครับ รีบตอบรับคุณลุงเร็วเข้า ต่อไปผมก็จะได้มีพ่อแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนั้นขวัญตาก้มมองไรอัน ก่อนจะมองผู้ชายที่กำลังแสดงความจริงใจอยู่ตรงหน้า และค่อย ๆ พยักหน้าในที่สุด พร้อมกับรับช่อดอกไม้ของเขา “ธีทัต นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของคุณแล้วนะ”
ธีทัตกอดขวัญตาด้วยความดีใจ “ฉันจะไม่ทำให้เธอเสียใจอีกเด็ดขาดเลย พวกเราจะต้องเข้ากันได้ดีแน่นอน”
ขณะที่พูดเขาก็ช่วยเช็ดน้ำตาให้เธอไปด้วย ส่วนไรอันที่ถูกกอดเอาไว้ตรงกลางก็ต้องทนมองคนพลอดรักกันไปอย่างเงียบ ๆ แต่ในใจก็รู้สึกดีใจมาก ตอนนี้เขามีทั้งพ่อและแม่แล้ว
สุดท้าย คู่รักแต่งงานใหม่ทั้งสองคู่ก็กำหนดวันจัดงานไว้เป็นวันที่สิบแปดเดือนหน้า
หลังจากแยกกับเพื่อนสนิททั้งสองคน เมื่อญาธิดากลับถึงบ้านเธอก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากอาบน้ำเสร็จและกำลังจะเข้านอน จู่ ๆ กลับถูกภวินท์จับกดลงบนเตียง ก่อนจะได้ยินเสียงชายหนุ่มกระซิบข้างหูเบา ๆ ว่า “ได้ยินมาว่าเพื่อนสนิททั้งสองคนของคุณกำลังจะจัดงานแต่งงาน พวกเราก็เอาด้วยเถอะ”
เสียงทุ้มของชายหนุ่มมีเสน่ห์สุด ๆ ญาธิดารู้สึกได้ว่าร่างกายของเธออ่อนแรงลงแถมยังจะพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว ทว่าเธอก็รู้สึกตัวขึ้นมาเสียก่อน ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างดันหน้าอกของชายหนุ่มไว้ “เป็นสามีภรรยากันกี่ปีแล้วยังไปร่วมสนุกกับพวกเขาอีกทำไม ไม่จัด”
“ผมหายตัวไปตั้งสองปี หลังจากกลับมาได้ไม่นานก็ถูกมาเลน่าบังคับจนเกือบจะต้องแต่งงานกับเธอแล้ว ตอนนี้ข้างนอกก็มีข่าวลือมากมาย ฉะนั้นถ้าพวกเราจัดงานแต่งงานจะทำให้พวกเขารู้ไงว่าเรารักกันมากขนาดไหน ตกลงเถอะนะ” ผู้ชายที่กำลังพูดคนนี้มืออยู่ไม่สุขเลย มือของเขาลูบไล้ไปทั่วตัวของญาธิดา หลังจากพูดจบก็โน้มตัวลงกัดใบหูของญาธิดาเบา ๆ
“ฉันไม่…” ญาธิดายังคงพยายามปฏิเสธ แต่คำพูดพวกนั้นกลับถูกริมฝีปากของชายหนุ่มจูบปิดปากเอาไว้เสียก่อน
อุณหภูมิร่างกายของทั้งสองคนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในห้องเต้มไปด้วยเสียงหอบหายใจปนกับเสียงครวญครางเป็นเวลานาน
สุดท้ายญาธิดาก็ต้องยอมตอบตกลงคำขอแต่งงานของภวินท์เพราะการถูกทรมานที่ทั้งหวานหยาดเยิ้มทั้งน่ารำคาญใจนี้ ซึ่งมันไม่ใช่ว่าเธอไม่หนักแน่น แต่ต้องโทษที่คู่ต่อสู้ของเธอเจ้าเล่ห์เกินไป ในสถานการณ์แบบนี้ใครจะไปทนไหว
ครึ่งเดือนต่อมาตระกูลสถิรานนท์กับตระกูลกรเวชก็ได้ร่วมกันจัดงานแต่งงานสุดยิ่งใหญ่ และเชิญชวนทั้งญาติ ๆ เพื่อนพ้องและหุ้นส่วนทางธุรกิจมาเข้าร่วมงาน
ฉากงานแต่งงานถูกตกแต่งด้วยโทนวีชมพูดและสีม่วง ดอกไม้เบ่งบานประดับประดาไปทั่วงาน เสียงไวโอลินบรรเลงเพลงแสนไพเราะดังสนั่นไปทั่วบริเวณงาน
พิธีวิวาห์เริ่มต้นขึ้น ญาธิดา อัญมณี และขวัญตา ทั้งสามคนปรากฏตัวบนจุดเริ่มต้นของพรมแดง
ตอนนี้สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่พวกเธอทั้งสามคน พวกเธอสวมชุดแต่งงานตามสไตล์ที่เหมาะกับตัวเอง หน้าตาสวยสง่า ออร่าเปล่งประกาย ทำให้ทุกคนต่างอึ้งไปตาม ๆ กัน
สายลมโบกพัดผ้าคลุมบนศีรษะของพวกเธอเบา ๆ พวกเธอค่อย ๆ เดินตรงไปที่ศาลาดอกไม้ เดินตรงไปหาคนรักของตัวเอง
อีธาน เอลล่า และไรอันเดินอยู่ด้านของพวกเขา ในมือของเด็กน้อยถือตะกร้าใบเล็กคนละใบ พร้อมกับช่วยกันโปรยดอกไม้อย่างขยันขันแข็ง
มุมสิ้นสุดของพรมแดงมีภวินท์ พายุ และธีทัตกำลังยืนอยู่ตรงนั้นมองเจ้าสาวของตัวเองค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก
ในที่สุดทั้งสามคู่ก็ได้มายืนเคียงข้างกันพร้อมกับสอดมือประสานกันแน่น
เสียงอันศักดิ์สิทธิ์และทรงพลังของนักบวชดังขึ้น เสียงกล่าวคำสาบานเปล่าออกมาอย่างหนักแน่น พวกเขาทั้งหมดต่างขานรับว่า “รับครับ/รับค่ะ” ออกมาอย่างมั่นใจ ก่อนเสียงปรบมือของแขกภายในงานจะดังขึ้น
ท่ามกลางกลีบดอกไม้ที่ถูกโปรยไปทั่วบริเวณงาน เจ้าบ่าวจุมพิตเจ้าสาวของตัวเองด้วยความเสน่หา เจ้าบ่าวสุดหล่อ เจ้าสาวแสนสวย ทั้งยังรักผูกพันกัน ภาพบรรยากาศนี้ทำให้ผู้คนต่างอิจฉาไปตาม ๆ กัน…