The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1548 – แดนอสูรที่เต็มไปด้วยโลหิต
ตอนที่ 1548 – แดนอสูรที่เต็มไปด้วยโลหิต
ที่ใต้ท้องเรือเทพนภา ลำแสงพุ่งลงมา ชายหนุ่มผมสีเงินที่มีมงกุฎสวมศีรษะลอยมือไพล่หลังก้มมองลงมา
“เจ้าคงผิดหวังที่ข้าไม่ตาย”
ซือหยูมองมเหสีหยุนเซี่ยและศาลอสูรที่อยู่ใต้การคุ้มกันของม่านพลังสีเลือด เขาสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งในระดับของเทพระดับสามถึงแปดคน ซึ่งมันอันตรายยิ่งว่าแม่ทัพกระดูกขาวและดูคล้ายกับสัตว์ประหลาดที่กลายพันธุ์ในแดนต้องห้ามอสุรา พลังเทียบได้กับโลหิตอสูรที่เขาเคยสู้มาก่อน
ไม่ผิดแน่ ทั้งแปดคนคือแปดในสิบของแม่ทัพศาลอสูร
“เนตรอสูรอยู่ไหน?”
ซือหยูถามเบา ๆ
มเหสีหยุนเซี่ยมองกลับ นางถาม
“เจ้ามาหาคนอย่างนั้นรึ?”
ซือหยูพยักหน้า
“ใช่”
นางฉีกยิ้มที่มุมปาก
“มาหาคนจนถึงที่แดนอสูร ซือหยู เจ้าเป็นนักสำรวจรึไง!”
แต่ซือหยูพูดอีกครั้ง
“อืม หาคนถือเป็นเรื่องหลัก แต่เอาเถอะ ที่นี่มันระหว่างทางเท่านั้น”
ระหว่างทาง
…ระหว่างทาง!
ไม่เพียงแต่เหล่าอสูรจะงุนงง แต่คนในเรือเทพนภาจากทั้งจักรวาลเองก็งุนงงเช่นกัน
การเข้ามาในแดนอสูรเป็นเพียงแค่ระหว่างทางสำหรับจักรพรรดิหนุ่มผู้นี้ เขาจะเรื่องใหญ่ขนาดไหนกันหากใช้พลังเต็มที่?
“ไม่เจอเจ้ามาแปดปี นอกจากจะได้อาวุธโบราณมาแล้ว เจ้ายังอวดดีขึ้นอีกด้วย! แปดปีก่อนเจ้ามันก็แค่มดปลวกที่ถูกตามล่าฆ่าจนตาย!”
มเหสีหยุนเซี่ยมองซือหยูและฉีกยิ้ม
ซือหยูพูดอย่างสบายใจ
“เจ้าหมายถึงแปดปีก่อน ที่เจ้าใช้อำนาจจากทั้งโลกอสูรแต่ก็ฆ่าข้าไม่ได้น่ะหรือ? แดนอสูรไร้ประโยชน์ถึงเพียงนั้น แต่แปดปีต่อมากลับไม่ละอายใจแถมยังภูมิใจอยู่ได้ แปดปีที่ผ่านมาพวกเจ้าก็ยังเป็นสวะเหมือนเดิม!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มเหสีหยุนเซี่ยหน้าหมอง
“อย่ามาฉวยโอกาสเล่นลิ้น คิดหรือว่าต่อให้มีเรือเทพนภาแล้วเจ้าจะทำลายแดนอสูรได้?”
มเหสีหยุนเซี่ยเรียกคทาสีเลือดขึ้นมาโบก
ฟ้าว!
ดวงตาสีเลือดแปดคู่เบิกโพลงและมองตรงไปที่ซือหยูด้วยความกระหายเลือด
พลังของทั้งแปดคนมุ่งตรงไปที่เรือเทพนภา
“ปืนใหญ่ล้างโลก ยิง!”
ซือหยูสั่งการทันที
ตู้ม!
ปืนใหญ่หลายร้อยกระบอกที่มีพลังเต็มที่ยิงลำแสงปกคลุมม่านพลังเลือดที่ลึกลงในใต้ดิน
พลังอันตระการตาสว่างจ้าจนมิอาจมองตรง ๆ ได้ หลังจากพลังทำลายนภาไปแล้ว มันก็ได้กระแทกลงมาจนถึงแผ่นดินครั้งแล้วครั้งเล่า
แรงคลื่นกระแทกนั้นมีพลังมากพอที่จะทำลายทั้งแดนอสูร
แรงกระแทกมหาศาลทำให้อสูรในโลกอสูรพากันหวาดวิตตก แม้ว่าปืนใหญ่จะแสดงอานุภาพมาแล้วเมื่อทำลายทัพอสูรที่สอง แต่มันก็ยังคงน่าตกใจเมื่อได้เห็นอีกครั้ง
เมื่อฝุ่นควันหายไป ได้เกิดสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด ม่านพลังสีเลือดแตกสลาย ศาลอสูรกลายเป็นเถ้าถ่าน
แต่มีแสงสีม่วงแปดสายที่เหมือนกับดวงอาทิตย์สีม่วงแปดดวงส่องสว่างจนแสบตา มันอยู่อย่างยิ่งใหญ่
ท่ามกลางแสงสีม่วงทั้งแปดคือมเหสีหยุนเซี่ย นางไม่ได้รับผลกระทบจากพลังทำลายล้างเมื่อครู่เลย
“โอ้! …เราป้องกันการโจมตีนั้นได้หรือ?”
เหล่าอสูรพากันแปลกใจ
“แสงสีม่วงนั่น…ช้าก่อน มันมีปีกสีม่วงอยู่ข้างหลังด้วย!”
อสูรที่ฝึกวิชาเนตรพบบางอย่างที่แปลก
ซือหยูเองก็ได้รู้ถึงการมีอยู่ของปีกม่วงนั้น เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่สีม่วง
มันเป็นสีเลือดที่เข้มซะจนกลายเป็นสีม่วงต่างหาก
มันคือปีกโลหิต
อีกที่เกิดจากพลังอสุรา!
มันคือพลังที่สองที่ได้จากการกลายพันธุ์
แปดแม่ทัพเทพอสูรใช้พลังอสุราเพื่อป้องกันพลังปืนใหญ่เอาไว้
แต่ในภาวะปกติ ปืนใหญ่กระบอกเดียวก็ฆ่าแม่ทัพได้แล้ว
แต่ตอนนี้เทพอสูรแค่แปดคนมีพลังต้านทานปืนใหญ่ได้ถึงร้อยกระบอก!
หลังจากกลายพันธุ์ พลังนั้นทะยานขึ้นไปจนมิอาจจินตนาการได้
มเหสีหยุนเซี่ยถูกปกป้องโดยดวงตะวันสีม่วงทั้งแปด นางฉีกยิ้มเยือกเย็นที่มุมปาก
“เจ้าคงคาดไม่ถึงล่ะสิ? สองทัพอสูรนั้นมีไว้ใช้เก็บเกี่ยวมดปลวกเท่านั้น ไพ่ตายของแดนอสูรคือแม่ทัพสิบคนแรกเสมอมา! เรือเทพนภาของเจ้าจะทำอะไรข้าได้?”
ดวงอาทิตย์ม่วงแปดดวงที่ล้อมอบมเหสีหยุนเซี่ยพุ่งขึ้นมาจากพื้นตรงไปสู่เรือเทพนภา
พลังอสุรามากล้นทั้งแปดเคลื่อนตัววไปพร้อมกับพลังทำลายล้าง
ซือหยูสั่งด้วยใบหน้าสงบนิ่ง “สู้!”
ฟึ่บ!
พี่น้องหยงยี่ ปี้หวังชิง และรัชทายาทอสูรเข้าปะทะกับดวงอาทิตย์ม่วงทั้งแปด พลังที่เหนือกว่าทำให้ดวงอาทิตย์แยกตัวออกจากกัน
“แบ่งสี่คนไปฆ่ามันซะ ฆ่าองค์ชายใหญ่ให้ได้ กินมันให้ได้! ที่เหลือมาจับตัวซือหยูกับข้า!”
มเหสีหยุนเซี่ยไม่เคยละสายตาไปจากซือหยู
แม่ทัพอสูรสี่คนบินออกมาแยกไปต่อสู้กับแต่ละคน
แต่เมื่อได้แยกกันสู้แล้วก็ต้องตกใจที่รู้ว่าศัตรูนั้นแข็งแกร่งเกินไป
นอกเหนือจากองค์ชายหนึ่งที่โลกอสูรหวาดกลัวแล้ว มนุษย์อีกสามคนนั้นแข็งแกร่งกว่าองค์ชายหนึ่งเสียอีก!
โดยเฉพาะสามคนที่เชี่ยวชาญพลังประหลาดของมังกร พวกเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ไม่นานแม่ทัพอสูรก็เสียเปรียบ
หยงยี่จู่ซื่อใช้พลังมังกรต่อสู้กับแม่ทัพอสูรจนแม่ทัพอสูรได้แต่เป็นฝ่ายป้องกัน
เมื่อได้จังหวะ นางกระพริบตา เงาจักรพรรดิมังกรปรากฏที่ด้านหลังของศัตรู
“เสียงสวรรค์จักรพรรดิมังกร!”
เงามังกรปรากฏแล้วมาพันธนาการศัตรูเอาไว้
มันเกิดเป็นโซ่รัดแน่น เทพอสูรพยายามดิ้นรน
เมื่อกำลังจะตาย แม่ทัพเทพอสูรชักสีหน้า ปีกสีม่วงที่อยู่ด้านหลังกระพือ พลังอสุราระเบิดออกมาจากร่างกาย
“เทพอสูรราชาวานร!”
ผิวกายของเทพอสูรถูกปกคลุมด้วยพลังสีแดงของอสุราอย่างรวดเร็ว
ร่างขยายและแข็งแกร่งขึ้นเหมือนกับก้อนหินแข็ง ๆ
โซ่กฎเกณฑ์ที่รัดแน่นมิอาจรัดได้อีกต่อไป และมันยังสั่นสะเทือนโดยร่างที่ขยายอีกด้วย
“รับไปซะ!”
แม่ทัพอสูรสะบัดตัวอย่างรุนแรง โซ่กฎเกณฑ์สลายไปจากตัว
พลังอสุราเอ่อล้นออกมาจากร่างกายในเวลาเดี๋ยวกันและซัดใส่หยงยี่จู่ซื่อ
หยงยี่จู่ซื่อไม่ทันระวัง นางป้องกันตัวได้อย่างไม่เต็มที่ พลังไหลเข้าสู่ร่างกายนางและทำลายอวัยวะภายใน
โชคดีที่นางมีโลหิตของมังกรก่อกาลจึงทำให้ฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
แต่ถึงอย่างนั้นนางก็บาดเจ็บหนัก
นางเช็ดเลือดที่มุมปากด้วยความตกใจ แม่ทัพที่นางต่อสู้ด้วยนั้นแข็งแกร่งกว่านาง
ดูหยงยี่อู๋เหิงและคนอื่น ๆ สถานการณ์ก็เลวร้ายไม่ต่างกัน
ไม่เพียงแต่จะมีพลังอสูร แต่ปีกสีม่วงเหล่านั้นก็ส่งพลังอสุราให้อย่างไม่ขาดสาย
และพลังกลายพันธุ์ที่สองยังระเบิดออกมาทำให้คาดเดาไม่ได้
แม่ทัพดาราทมิฬที่หยงยี่อู๋เหิงเจอนั้นมีพลังกลายพันธุ์ที่จะสะท้อนบาดแผลกลับมา ไม่ว่าหยงยี่อู๋เหิงจะสร้างบาดแผลให้ดาราทมิฬเท่าใด บาดแผลเหล่านั้นก็จะกลับมาถึงตัวเขา
แม่ทัพดาราทมิฬไร้รอยข่วน ขณะที่หยงยี่อู๋เหิงมีบาดแผลเต็มตัว
องค์ชายหนึ่งไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก เขาเป็นคนที่ทรงพลัง แต่กำลังต่อสู้กับแม่ทัพที่มีพลังดูดซับการโจมตี
เขาไม่ได้บาดเจ็บนัก แต่เขากำลังเจอกับวิชาของแม่ทัพที่ต่อสู้ด้วยทำให้เขาเคลื่อนไหวช้าลงหลายขั้น
มีเพียงปี้หวังชิงที่ใช้วิชาฝันพันปีหยุดศัตรูเอาไว้ แต่นางก็ทำได้เพียงหยุดเท่านั้น พลังกลายพันธุ์ของอีกฝ่ายคือความว่างเปล่า ไม่มีการโจมตีใดใช้ได้ผล แต่ความคิดของอสูรนั้นจะเจาะลึกลงสู่ดวงวิญญาณและทำลายนางในระดับวิญญาณ
สถานการณ์ของทั้งสี่คนนั้นอันตรายมาก ซือหยูสีหน้าเย็นชา
เขายกฝ่ามือขึ้น มังกรดินสามสิบตัวและปืนใหญ่ล้างโลกสามสิบกระบอกลอยออกมาจากแหวนมิติ มันยิงผสานพลังกับเรือเทพนภาบนท้องฟ้า บดบังลำแสงของดวงอาทิตย์สีม่วง
เมื่อมีพตัวช่วย พลังของซือหยูนั้นเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่า
มเหสีหยุนเซี่ยกล่าว
“อาวุธโบราณอีกแล้วรึ? ค่ายกลตั้งรับ!”
ดวงอาทิตย์ทั้งสี่เปล่งแสงจ้า
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
แรงระเบิดนั้นรุนแรงดั่งดาวตก!
เมื่อคลื่นกระแทกผ่านไป คลื่นกระแทกอีกคลื่นก็ตามมา เหล่าอสูรทำอะไรไม่ได้นอกจากป้องกันตัว
ซือหยูใช้จังหวะนี้ไปช่วยสหายของเขา
ซือหยูไปช่วยหยงยี่จู่ซื่อก่อน เกล็ดมังกรทมิฬแผ่ตัวร่างกาย มันคือร่างของมังกรล้างโลกา
หัวมังกรพุ่งตรงไปที่แม่ทัพอสูร
อสูรแสยะยิ้ม
“โง่เง่านัก เทพอสูรหกวิถีในอดีตยังสั่นคลอนข้าไม่ได้ วิชามังกรกระจอกของเจ้าจะไปทำอะไรได้?”
อสูรหัวเราะให้ มันซัดกรงเล็บใส่ศีรษะของซือหยู
“ฮ่าๆๆๆๆ ความดีความชอบทั้งหมดเป็นของข้า!”
ปั้ง!
แต่เสียงดังลั่น แม่ทัพกระเด็นไปหลายสิบก้าว
ใบหน้านั้นตกตะลึง เขาพูดด้วยความอึ้ง
“เป็นไปได้อย่างไร?”
คำตอบที่ได้รับคือกรงเล็บมังกรจากเบื้องบน
แม่ทัพอสูรมิได้โมโหแต่กลับยินดี มันหัวเราะ “ย่อมได้ มาสู้กัน ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก!”
กรงเล็บอสูรเริ่มแสดงพลังของอสุรา มันซัดซือหยูกลับไป
ปั้ง!
ปั้ง!
เสียงดังลั่นสองเสียงเหมือนกับเสียงฟ้าผ่า ทั้งสองแลกฝ่ามือของกันและกัน
การปะทะทำให้สายลมแหวกระเบิดฝุ่นกระจายเป็นวงกว้าง ทุกคนเห็นเพียงแค่มังกรกำลัง่อสูรอยู่กลางฝุ่น
ทั้งสองฝ่ายกำลังเล็งไปที่จุดตายของแต่ละคน
ฉั่วะ!
แขนของแม่ทัพอสูรกำลังจะขาด
แม่ทัพเริ่มหวาดกลัว ในสายตามีแต่ความกลัว
“ร่างกายเจ้า…นั่นมัน…”
ฉั่วะ!
กรงเล็บมังกรทะลวงร่างแม่ทัพอสูรเป็นชิ้น ๆ
ซือหยูกลับเป็นร่างมนุษย์
“มันคือกายาแห่งกฎเกณฑ์”
โลหิตเทพเก้ามังกรสองหยดได้สร้างกายากฎเกณฑ์ให้แก่ซือหยู
ไม่ต้องพูดถึงเทพอสูรราชาวานร เพราะแม้กระทั่งเทพระดับสองก็ทำลายร่างนี้ไม่ได้