ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 289 เปิดเทอมใหม่ บรรยากาศใหม่ (1)
ตอนที่ 289 เปิดเทอมใหม่ บรรยากาศใหม่ (1)
วันอังคารที่ 1 กันยายน
นักศึกษาใหม่มาถึงแล้ว
ด้านนอกประตูมหาวิทยาลัย ตอนนี้มีนักศึกษาและผู้ปกครองมารวมตัวจำนวนมาก
ภายในมหาวิทยาลัย ฟางผิงเผยแววตาคมกริบ จ้องเย่ฉิงหัวหน้าของฝ่ายตรวจสอบ กัดฟันว่า “รุ่นพี่น่าจะกลับไปฝึกวิชาได้แล้ว!”
เย่ฉิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “นายต้องจ่ายค่าปรับมาก่อน”
“ผมไม่มีเงิน…”
ฟางผิงเห็นเขายังจ้องตัวเองก็จนใจอยู่บ้าง ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “ไม่งั้นนายรอฉินเฟิ่งชิงกลับมา ไปเอากับเขา? เขายังติดหนี้ผมอยู่สิบล้าน ผมใช้จ่ายเป็นค่าปรับคงได้สินะครับ? เงินสิบล้านน่าจะพอซ่อมแซมลานกว้างได้หลายรอบแล้ว!”
“ใครก็ไม่อาจผัดหนี้ได้!”
เย่ฉิงเอ่ยอย่างจริงจังว่า “นายเป็นประธาน นายเป็นแกนนำผัดหนี้ คนอื่นๆ จะเลียนแบบได้ ทุกคนเป็นผู้ฝึกยุทธ์เหมือนกัน งั้นหลังจากนี้มหาวิทยาลัยคงอยู่ไม่ได้แล้ว”
ผู้ฝึกยุทธ์ที่เหนือมนุษย์กลุ่มหนึ่ง หากไม่มีมาตรการควบคุมเลย นายตีฉันฉันตีนาย งั้นไม่นานมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็คงถูกรื้อถอนจนหมดแล้ว
ค่าปรับจะน้อยไม่ได้ หากปรับน้อย คนที่มีเงินก็จะไม่สนใจ
ดังนั้นการทำลายทรัพย์สินสาธารณะในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้องปรับหนัก!
ตลอดทางฟางผิงเหยียบพื้นแตกไปหลายแผ่น ฝ่ายตรวจสอบออกใบสั่งให้ฟางผิงถึงสิบห้าล้าน!
ฟางผิงถอนหายใจ ตอนนี้เขาต้องเดินระมัดระวังหน่อยแล้ว ไม่งั้นหากเผลอใจลอย พื้นคงจะเป็นหลุมเพิ่มขึ้นมาอีก
การตรวจสอบภายในของมหาวิทยาลัยและรักษากฎล้วนเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายตรวจสอบ
ตอนนี้เย่ฉิงที่เป็นหัวหน้าฝ่ายมาเอาค่าปรับด้วยตัวเอง ฟางผิงกลัดกลุ้มอยู่บ้าง ล้อกันเล่นหรือไง ตั้งสิบห้าล้าน!
สิบห้าล้านฉันสามารถซื้อยาบำรุงและอาวุธได้หลายชิ้นด้วยซ้ำ
“รุ่นพี่ ผมไม่ได้ผัดหนี้ ฉินเฟิ่งชิงติดเงินผมสิบล้าน เอ่อ…อาจารย์ซ่งอิ๋งจี๋คนนั้นติดหนี้ผมอีกประมาณห้าล้าน พี่ไปเก็บเงินพวกนั้นมาปรับผมแล้วกัน จบหรือยัง?”
เย่ฉิงยังคงมองเขา ไม่พูดอะไร
“รุ่นพี่ นักศึกษาใหม่เพิ่งจะเปิดเทอม ทุกคนกำลังจับจ้องอยู่ เวลานี้มาไล่ทวงหนี้ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่มั้ง?”
“งั้นฉันจะไปที่สำนักงาน หักเอาจากห้าร้อยคะแนนของนายในเดือนนี้น่าจะพอดี”
ฟางผิงแทบจะกระอักเลือดออกมา นายจะจริงจังขนาดนี้ไปทำไม?
ฟางผิงยอมจ่ายเงินดีกว่าต้องมาถูกหักคะแนน นั่นจะทำให้ค่าทรัพย์สินน้อยลง
ปวดใจอยู่ครึ่งวัน ฟางผิงกัดฟันว่า “ได้ ผมจะให้ อีกอย่างช่วงนี้ฝ่ายตรวจชอบช่วยลาดตระเวนให้ละเอียดหน่อย ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ นอกจากห้องฝึกซ้อม สถานที่อื่นๆ แม้แต่ทำลายต้นไม้ใบหญ้าปรับสถานหนักให้หมด! รวมถึงทางอ่างเก็บน้ำด้วย มักจะมีนักศึกษาไปฝึกวิชาที่นั่น จับตามองพวกเขาให้ดี ทำลายทรัพย์สินสาธาณะต้องปรับให้หนัก! อีกอย่างหอพักนักศึกษาต้องลาดตระเวนเป็นประจำเหมือนกัน มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่อนุญาตให้เกียจคร้านอีกต่อไปแล้ว!”
เย่ฉิงชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง นี่นายจะเอาความโกรธที่ถูกปรับเงินไปลงกับคนอื่น?
แต่ฟางผิงยอมเป็นตัวอย่างจ่ายค่าปรับสิบห้าล้าน มาตรการลงโทษหนักก็จะดำเนินไปอย่างราบรื่นได้
“อืม เข้าใจแล้ว”
“อีกอย่างค่าปรับทั้งหมด…ส่วนหนึ่งใช้ซ่อมแซมทรัพย์สินสาธารณะของมหาวิทยาลัย ที่เหลือ…ไม่ต้องส่งให้เบื้องบน เก็บไว้ที่สมาคมผู้ฝึกยุทธ์”
“ได้”
“…”
ฟางผิงกำชับไปหลายประโยค เห็นเย่ฉิงยังคงจ้องเขา จึงเอ่ยอย่างจนใจ “กลับไปผมจะจ่ายเอง ไม่ต้องมาตามผมแล้ว”
“นายยังเหยียบกระเบื้องเสียหายอีก…”
“ผมรู้แล้ว!”
ฟางผิงแทบอยากจะกระอักเลือดออกมา “แค่วันสองวันนี้แหละ เงินสิบห้าล้านซ่อมแซมกระเบื้องไม่กี่แผ่นยังไม่พอหรือไง? ตอนนี้ผมสูญเสียการควบคุมปราณอยู่บ้าง พี่ยังคิดจะปรับผมอีกงั้นเหรอ?”
ฟางผิงพูดแขวะออกมา เงินสิบห้าล้านเท่ากับว่าฉันทำงานให้สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ฟรีๆ เดือนหนึ่งแล้ว
ตอนนี้เย่ฉิงยังยืนจ้องตัวเองไม่ไปไหน ไม่อายบ้างหรือไง?
เย่ฉิงไม่พูดอะไรอีกเช่นกัน แต่ยังคงอยู่อย่างนั้นไม่ไปไหน
—
ด้านนอกมหาวิทยาลัย
ประตูใหญ่นั้นไม่เคยเปิดมาโดยตลอด ประตูเล็กก็ไม่เปิดเช่นกัน
นักศึกษาใหม่เกือบสองพันคนรวมกับผู้ปกครอง ตอนนี้ด้านนอกจึงมีคนยืนแน่นขนัด
ตอนที่ทุกคนรอจนร้อนใจนั้น พวกฟู่ชางติ่งก็เดินออกมา ตะโกนเสียงดัง “ผู้ปกครองไปได้แล้ว นักศึกษาเข้ามาตามลำพัง!”
“นักศึกษา พวกเราขอเข้าไปดูหน่อยไม่ได้หรือไง? สภาพแวดล้อมหอพักเป็นยังไง กินอยู่ยังไง…”
จ้าวเหล่ยตัดบทว่า “เข้ามาในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้องปฏิบัติตามกฎ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัย ผู้ปกครองจะเข้ามาไม่ได้ นี่เป็นกฏ ไม่งั้นไม่ต้องเข้ามหาวิทยาลัย ผ่านวันนี้ไป เซี่ยงไฮ้จะไม่รับการรายงานตัวจากนักศึกษาคนไหนแล้ว!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา แม้ว่าพวกผู้ปกครองจะเสียใจอยู่บ้าง แต่ยังคงทยอยออกไป ส่งลูกหลานเข้าประตูมหาวิทยาลัยด้วยสายตาแทน
ฟางผิงมองอยู่พักหนึ่ง หันไปพูดกับคนของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ว่า “ตอนนี้นักศึกษาใหม่แข็งแกร่งขึ้นรุ่นแล้วรุ่นเล่า มาตราฐานการรับนักศึกษาก็สูงขึ้นตาม ดังนั้นพวกเราจึงคาดหวังกับนักศึกษาใหม่เช่นกัน แต่แนวทางของมหาวิทยาลัย พูดระคายหูหน่อย…หละหลวมและละเลยเกินไป! พวกเราเคยเป็นเด็กใหม่มาก่อน น่าจะเข้าใจแนวทางของมหาวิทยาลัยดี อาจารย์ต่างงานยุ่ง ไม่ค่อยมีเวลามาสนใจเรื่องพวกนี้ เมื่อก่อนสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ก็ไม่ใส่ใจ เอาแต่คว้าต้นกล้าที่โดดเด่นบางส่วน แบบนี้ไม่ดีเท่าไหร่”
“แม้ว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะเป็นหนึ่งในสองมหาวิทยาลัยชื่อดัง แต่เทียบกับปักกิ่งแล้ว ยังมีความแตกต่างไม่น้อย ไม่ใช่แค่เรื่องความสามารถเฉพาะตัวบุคคล แต่เป็นความสามารถของภาพรวมนักศึกษา ตอนนี้เซี่ยงไฮ้มีนักศึกษาเกือบเจ็ดพันคน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามขั้นสี่หกสิบคน ขั้นสองประมาณห้าร้อยคน ที่เหลือเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งและคนธรรมดาทั้งหมด…ช่างน่าอายจริงๆ!”
ฟางผิงส่ายหัวเล็กน้อย คนที่เข้ามาเรียนในเซี่ยงไฮ้ได้เป็นอัจฉริยะทั้งนั้น ความแตกต่างของระดับขั้นไม่ได้ไกลกันมาก
แต่นักศึกษาปีสี่บางส่วนยังมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งปะปนอยู่เลย
แม้ว่ายังเรียนไม่จบ แต่ก็เข้ามหาวิทยาลัยมาสามปีแล้ว เวลาสามปีจากคนธรรมดากลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง ถึงจะเป็นขั้นหนึ่งสูงสุดก็ช้าเกินไปอยู่ดี
ระหว่างที่พูด ฟางผิงเอ่ยต่อว่า “ดังนั้นตั้งแต่รุ่นนี้เป็นต้นไป สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ถึงเวลาต้องแสดงฝีมือแล้ว เริ่มตั้งแต่วันเปิดเทอมต้องให้คำแนะนำ ฝึกฝนอย่างเข้มงวด แจ้งนักศึกษาใหม่ทุกคน ภายในเวลาสองชั่วโมง ทำขั้นตอนมอบตัวทั้งหมดให้เสร็จสิ้นแล้วมารวมตัวกันที่สนามฝึกหมายเลขหนึ่ง!”
เหลียงเฟิงหวาที่อยู่ด้านหลังเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ประธาน นี่จะไม่ให้เวลาพวกเขาพักสักหน่อยหรือไง นักศึกษาใหม่รุ่นนี้เกรงว่าต้องลำบากแล้ว”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้เข้มงวดขนาดนั้น อันไหนทำได้ก็ทำ ขึ้นชื่อว่าเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ฉันหวังให้เซี่ยงไฮ้ดีขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน จางอวี่และอาจารย์ของเซี่ยงไฮ้หลายคนมีความคิดที่จะรวบรวมทรัพยากรไปบ่มเพาะนักศึกษาหัวกะทิบางส่วน แต่ความคิดของฉันคือกระจายทรัพยากร หาทรัพยากรให้ได้มากขึ้น ในขณะที่บ่มเพาะนักศึกษาหัวกะทิ ก็ต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให่ทั่วทั้งมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ด้วย เข้ามาในเซี่ยงไฮ้ จบการศึกษาโดยที่ไม่ถึงขั้นสาม ในความเห็นฉันเป็นความอัปยศอดสู!”
ทุกคนต่างจุปาก คำพูดนี้นายช่างกล้าเอ่ยจริงๆ
อย่าเทียบนายกับคนอื่นสิ ความก้าวหน้าของเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน
—
“นักศึกษาใหม่ทั้งหมด สองชั่วโมงหลังจากนี้ไปรวมตัวกันที่สนามฝึกหมายเลขหนึ่ง!”
“คนที่มาสาย มาไม่ถึง รับผลที่จะตามมาเอง!”
ตอนที่พวกนักศึกษาใหม่ทยอยเข้ามาในมหาวิทยาลัย สมาชิกฝ่ายตรวจสอบของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ก็ตะโกนเสียงดัง
มีนักศึกษาใหม่รีบเอ่ยว่า “รุ่นพี่ เพิ่งเปิดเทอมก็จะเริ่มรับน้องเลยเหรอครับ?”
สมาชิกในสมาคมที่ถูกถามคนนั้นชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ใช่ รับน้อง”
พวกนักศึกษาใหม่เริ่มดำเนินขั้นตอนการรายงานตัว รอการจัดสรรของหอพักทันที
—
ชั้นบนสุดของหอประวัติมหาวิทยาลัย
หอประวัติมหาวิทยาลัยเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ปกติไม่อนุญาตให้นักศึกษาทั่วไปเข้ามา
ตอนนี้อู๋ขุยซานและหวงจิ่งยืนอยู่ชั้นบนสุด
“นายคิดว่ายังไง?”
อู๋ขุยซานที่ผมขาวจับจ้องสายตาที่หน้าประตูใหญ่ จู่ๆ ก็ถามออกมา
หวงจิ่งเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ให้เขาดิ้นรนไปก่อน เป็นแค่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ไม่เกิดผลกระทบใหญ่หรอก เพิ่มมาตรการขึ้นหน่อยก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน”
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้”
อู๋ขุยซานยิ้มบางๆ ว่า “ฉันหมายถึงตอนนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เริ่มต้นใหม่ทั้งหมด นักศึกษาใหม่เข้ามหาวิทยาลัย ทำไมไม่ฉวยโอกาสนี้ปฏิรูปให้จบๆ ไปเลยล่ะ! ตอนนี้ภายในมหาวิทยาลัยมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามขั้นสี่เพียงหยิบมือ ขั้นหนึ่งขั้นสองมากที่สุด อยากจะก้าวหน้าไว เพิ่มความสามารถของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ถ้ำใต้ดินเป็นสถานที่ดีที่สุด…”
“สาเหตุที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่ใช่หน่วยทหารก็เพราะว่าสอนตามความสามารถของผู้เรียน แจกแจงภารกิจและฝึกฝนแตกต่างกัน ให้พวกเขาค่อยๆ เติบโตขึ้นไป หากเข้าสู่ถ้ำใต้ดินทั้งหมด งั้นความหมายของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะอยู่ตรงไหนกัน? ให้หน่วยทหารรับคนพวกนี้เพิ่มหน่อยไม่ดีกว่าหรือไง จะเปิดมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ไปทำไมอีก”
—————–