ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 297 ข้อตกลงสายข่าว
ตอนที่ 297 ข้อตกลงสายข่าว
ขณะเดินทางกลับเขตตลาด ลูเมี่ยนพิงผนังรถม้า ครุ่นคิดถึงเรื่องทั้งหมดอีกครั้ง และพบว่าตนมองข้ามปัญหาหนึ่งไป
“เมื่อผู้วิเศษลำดับ 7 หายตัวไปอย่างลึกลับระหว่างถูกส่งไปทำภารกิจง่ายๆ และต้องสงสัยว่าอาจเสียชีวิต องค์กรลับที่คอยหนุนหลังมัน จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้หรือ?”
“พวกมันต้องเอะใจในคืนนี้เลยและเริ่มการสืบสวนแน่”
“ในฐานะ ‘นักวางแผน’ ไม่มีทางที่บอสจะมองข้ามไปแน่ แต่กลับไม่ได้เตือนเรา ปล่อยให้เรากลับบ้านคนเดียว… หรือคิดจะใช้เราเป็นเหยื่อล่อ?”
“อา… องค์กรลับเบื้องหลังมนุษย์หมาป่าคงยังไม่ลงมือในคืนนี้เลย ตราบใดที่พวกมันไม่ได้สิ้นสติไปอย่างสมบูรณ์ ยังพอจะมีสมองอยู่บ้าง ก็ย่อมต้องมองออกว่าการหายตัวไปของลูกน้องในคราวนี้ไม่ธรรมดา พรรคซาฟาห์มิได้ตื้นเขินอย่างที่เห็นภายนอก ถ้าเป็นเราคงอดทนรอไปอีกสักพัก จนกว่าจะเกิดเรื่องมากกว่านี้ แล้วค่อยฉวยโอกาสท่ามกลางความวุ่นวาย เพื่อสืบข้อมูลเบื้องลึกของพรรคซาฟาห์”
“แต่แน่นอน ถ้าพวกมันมีเทวทูตคอยคุ้มครอง และสามารถเรียกพระองค์ลงมายังคาบาเร่ต์ลมเอื่อยได้ชั่วคราว ก็คงลงมือได้ตามใจชอบ…”
“พอลองมองย้อนกลับไป มนุษย์หมาป่านั่นถึงจะหยิ่งยโส แต่ความจริงแล้วมิได้โง่หรือวู่วามขนาดนั้น มันคงจับคนของพรรคซาฟาห์มาแล้ว ถามไถ่เบื้องต้นเกี่ยวกับหัวหน้าหน่วยสักสองสามคน จากนั้นก็เลือกเราที่เพิ่งเข้าพรรคซาฟาห์ได้ไม่นาน โดยหลักการแล้วคงยังไม่ได้ร่วมกิจกรรมหลักของพรรค ไม่มีความลับมากนัก และไม่ได้พัวพันกับพรรคในเชิงลึก”
“นอกจากนี้ หากพิจารณาจากประวัติผลงานในระยะหลัง คนของพรรคซาฟาห์ส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าเรากลายเป็น ‘นักวางเพลิง’ แล้วเป็นธรรมดาที่หมอนั่นจะคิดว่าสามารถเชือดเราได้นิ่มๆ … ในศึกระยะประชิด มนุษย์หมาป่าที่ฟื้นฟูตัวเองได้เร็วกว่า แข็งแกร่งกว่า ว่องไวกว่า แถมยังมีกรงเล็บพิษที่เทียบเท่าอาวุธวิเศษ ย่อมเหนือกว่านักยั่วยุอย่างไม่ต้องสงสัย…”
ลูเมี่ยนกลับถึงคาบาเร่ต์ลมเอื่อยหลังจากเรียบเรียงเหตุการณ์ทั้งหมดจนเห็นภาพรวมแล้ว มือข้างหนึ่งสอดเข้าไปจับนิ้วของมิสเตอร์ K ในกระเป๋าเสื้อ ทำเหมือนไม่สังเกตเห็นสิ่งใด เพียงเดินขึ้นไปยังชั้นสอง อาบน้ำ แปรงฟัน และเข้านอน
…………
ฟ้าเพิ่งสางอย่างรางเลือน จินนากำลังคาบขนมปังปิ้งไว้ในปาก รีบร้อนออกจากบ้านเลขที่ 17 ถนนปลาสเตอร์ เขตสวนพฤกษศาสตร์
เมื่อคืนเธอกลับมาเยี่ยมพี่ชาย พลิกตัวไปมาบนเตียงที่เคยนอนกับแม่ กว่าจะหลับได้ก็ดึกดื่น แล้วต้องรีบตื่นแต่เช้า เพราะไม่อยากเจอเพื่อนบ้าน ไม่อยากตอบคำถามเรื่องที่ในใบประกาศจับมีคนร้ายชื่อ ‘เชเลีย·เบลโล’ อยู่ด้วย
ในยามเช้าที่ฟ้ายังสลัว พ่อค้าแม่ขายและผู้คนยังสัญจรบนถนนไม่มาก จินนาเดินผ่านพวกเขาไป เลี้ยวเข้าตรอกแคบใกล้ถนนนักบุญเกอร์ที่เงียบเหงาแทบไร้ผู้คน
ทันใดนั้น เธอเห็นร่างคุ้นตาเดินสวนทางมา
เป็นชายผิวคล้ำ ริมฝีปากค่อนข้างหนา มีเชื้อสายชนพื้นเมืองทวีปใต้ ผมสีเหลืองอ่อนหวีเรียบ สันจมูกปิดปลาสเตอร์แผ่นเล็กที่ไม่ค่อยเด่น สวมเสื้อเชิ้ตสีอ่อนกับเสื้อกั๊กสีเหลือง ติดตราศักดิ์สิทธิ์สุริยันสีทองส่องประกายอยู่บนหน้าอก
ตราศักดิ์สิทธิ์สุริยัน… หัวใจของจินนาเต้นระรัว นึกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
ผู้วิเศษจากศาสนจักรสุริยันเจิดจรัส คนที่เคยเป็นบอดี้การ์ดให้ฮิวจ์·อาร์ทัวส์!
จินนาหมุนตัวโดยสัญชาตญาณ ตั้งใจจะหนีออกจากตรอก แต่หมุนได้ยังไม่ถึงครึ่งทาง หางตาก็เหลือบเห็นผู้วิเศษอีกคนจากศาสนจักรสุริยันเจิดจรัส ซึ่งเคยเป็นบอดี้การ์ดให้ฮิวจ์·อาร์ทัวส์เช่นกัน กำลังยืนขวางทางออกของตรอกไว้!
นั่นคือวาเลนไทน์ เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าดุจดังทะเลสาบ สีหน้าเรียบเฉยเย็นชา
จินนาหยุดหมุนตัว กลั้นหายใจ วางมือขวาไว้ตรงเอว เตรียมชักลูกโม่และมีดสั้นที่ซ่อนไว้ออกมาทุกเมื่อ
อิมเรเห็นท่าทีของเธอ จึงรีบร้อนตะโกนบอก
“ใจเย็นก่อน! พวกเราไม่ได้มาจับคุณ!”
นึกถึงที่ฟรังก้าเคยวิเคราะห์ไว้ว่า ผู้วิเศษทางการมีแนวโน้มที่จะพัฒนาเธอเป็นสายข่าว จินนาจึงใจเย็นลงพอควร แต่ยังคงจ้องอิมเรกับวาเลนไทน์ด้วยสายตาระแวดระวัง
อิมเรยิ้มเป็นมิตรพลางเอ่ยปาก
“พวกเรามาเพื่อสะสางผู้วิเศษเถื่อนก็จริง แต่ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีการคัดกรอง”
“คุณอย่าคิดมากเกี่ยวกับข่าวลือการจับตรึงไม้แล้วย่างสด ที่นี่คือทรีอาร์ ผู้วิเศษเถื่อนที่ไม่เคยกระทำผิดจะไม่เผชิญจุดจบแบบนั้น และคงจะคล้ายๆ กันตามแถบชนบท ในเมืองเล็ก หรือในเขตเทศบาล”
จินนายิ่งมั่นใจว่าสองผู้วิเศษทางการมีเจตนาเช่นไร จึงแกล้งถามอย่างไร้เดียงสา
“คุณอยากจะพูดอะไรกันแน่”
อิมเรตอบยิ้มๆ
“พวกเราอยากให้คุณร่วมมือกับเรา”
“ในความเป็นจริง ถ้าพวกเราไม่จงใจทำตัวหละหลวม คุณคงถูกจับไปนานแล้ว”
จินนาครุ่นคิดครู่หนึ่ง คล้ายกำลังนึกทบทวนว่า หลังจากลอบสังหารฮิวจ์·อาร์ทัวส์ เธอได้รับความช่วยเหลือจากใครบ้าง จึงสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายจนถึงทุกวันนี้
ผ่านไปสักพัก หญิงสาวถามด้วยความลังเล
“ร่วมมือ?”
อิมเรพยักหน้ายิ้มๆ
“ผมขอแนะนำตัวก่อน ผมคือผู้ชำระจาก ‘ศาล’ ของสุริยันเจิดจรัส ชื่ออิมเร นี่คือเพื่อนร่วมงานของผม วาเลนไทน์”
“ไม่ใช่ผู้วิเศษเถื่อนทุกคนที่จะได้รับความเมตตาจากเรา และได้ร่วมงานกับเรา ทางเราสืบประวัติคุณมาแล้ว ยืนยันได้ว่าคุณศรัทธาในพระองค์เช่นเดียวกัน ไม่เคยก่ออาชญากรรมร้ายแรง และที่สำคัญ หลังจากได้รับพลังวิเศษ คุณยังควบคุมตัวเองได้ มิได้ใช้พลังในทางที่ผิด ยกเว้นการลอบสังหารฮิวจ์·อาร์ทัวส์”
“อย่างไรเสีย พวกเราเข้าใจทางเลือกของคุณ เข้าใจความเคียดแค้นของคุณ เขาคือสาวกนอกรีตที่สมควรตายแล้ว ทุกคนมีสิทธิ์ชำระล้างเขาในนามแห่งเทพ… คุณคงรู้อยู่แก่ใจดี หากมิใช่เพราะพวกเราจัดฉากแสร้งพลั้งเผลอ คุณคงไม่มีทางหนีออกจากสำนักงานสส. เขตตลาดได้”
จินนาผงกศีรษะเชื่องช้า เป็นนัยว่าเธอก็คิดแบบเดียวกันหลังจากย้อนมาไตร่ตรองเหตุการณ์
อิมเรพูดต่อ
“โดยพื้นฐานแล้วคุณเป็นคนดี ยึดมั่นในตัวเอง และมิได้ใช้พลังในทางที่ผิด อีกทั้งยังศรัทธาในเทพองค์เดียวกัน เราจึงอยากเชิญคุณมาเป็นสายข่าว เพื่อคอยแจ้งข่าวสารให้กับทางการ”
“ไม่ต้องกังวล เราจะไม่บังคับให้คุณทรยศเพื่อนฝูง เพียงแค่หวังว่าคุณจะช่วยสอดส่องสิ่งที่อาจสร้างหายนะให้กับเขตตลาดและกรุงทรีอาร์”
ยึดมั่นในตัวเอง… ไม่ใช้พลังในทางที่ผิด… เมื่อก่อนใช่ ตอนนี้ก็ยังพอใช่ แต่วันข้างหน้าตอบไม่ได้… จินนาจิกกัดตัวเอง อยากจะตอบไปว่าพวกคุณมาช้าไป ตัวฉันตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
หญิงสาวคิดสักพักก่อนจะตอบ
“ฉันเองก็ดำรงชีวิตในเขตตลาด ย่อมยินดีที่จะช่วยพวกคุณขัดขวางภัยอันตราย”
เธอแสดงความเต็มใจที่จะร่วมมือ ผ่านคำพูดอ้อมค้อม
กล่าวมาถึงตรงนี้ จินนาผุดความคิดบางอย่างกะทันหัน จึงพูดออกมาทันที
“เมื่อสองวันก่อน ฉันเพิ่งค้นพบเรื่องแปลกๆ มา!”
“เรื่อง?” อิมเรมองเพื่อนร่วมงานวาเลนไทน์ด้วยความประหลาดใจเล็กๆ
พวกเขาคาดไม่ถึงว่า แหล่งข่าวที่เพิ่งชักชวน จะมอบข้อมูลให้ทันที
จินนาเริ่มเล่าตั้งแต่ตอนที่เธอเข้าร่วมชุมนุมศาสตร์เร้นลับ ได้ยินเรื่องคนเฝ้าประตูอารามในหุบเหวลึกหายตัวไป จึงอาสาจะสืบคดีนี้ จนกระทั่งถึงตอนที่ เธอกับเพื่อนร่วมงานบังเอิญเจอนักบวชใส่ตาเทียมติดกลไกเดินเข้าไปในเหมืองหินแถวนั้น และเปิดถ้ำลับที่เต็มไปด้วยแขนขามนุษย์ ก่อนจะเดินเข้าไป
ตลอดเรื่องราว เธอปกปิดตัวตนและชื่อของเพื่อนร่วมงาน รวมถึงเวลาและสถานที่จัดชุมนุมศาสตร์เร้นลับ
อิมเรกับวาเลนไทน์ฟังแล้วรู้สึกทั้งยินดีและหนักใจ
ที่ยินดีเพราะพวกตนกำลังจะได้ผลงานอย่างคาดไม่ถึง ส่วนที่หนักใจ เพราะเรื่องนี้ค่อนข้างประหลาดและชัดเจนว่าต้องยุ่งยากแน่
“ยอดเยี่ยมมาก นี่แหละความร่วมมือที่เราต้องการ” อิมเรชมเมื่อจินนาเล่าจบ
วาเลนไทน์ก็พยักหน้าแบบจำใจ
เขาไม่ได้คิดว่าการชักชวนสายข่าวคนนี้เป็นเรื่องไร้สาระ หลังเกิดคดีฮิวจ์·อาร์ทัวส์ มุมมองของเขาต่อผู้วิเศษเถื่อนได้เปลี่ยนไปมาก แต่เรื่องที่วาเลนไทน์ไม่ค่อยพอใจก็คือ อิมเรสามารถชักชวนเชเลีย·เบลโลได้ด้วยตัวคนเดียวอยู่แล้ว แต่กลับยังลากตนมาด้วย
หลังจากสรรเสริญพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จ เขาควรจะได้กลับบ้านพักผ่อนเลย ได้กินมื้อเช้าร่วมกับภรรยาและลูกๆ
อย่างไรก็ดี เหตุผลของอิมเรก็ฟังขึ้นทีเดียว
ตามกฎแล้ว ในการชักชวนสายข่าว โดยเฉพาะการดึง ‘นางมาร’ ที่เป็นเส้นทางค่อนข้างพิสดารมาเป็นสายข่าว ควรมี ‘ผู้ชำระ’ อย่างน้อยสองคนขึ้นไป
อิมเรเล่าว่า ในช่วงหลายปีหลัง มีผู้ชำระไม่น้อยที่ระหว่างชักชวนนางมารมาเป็นสายข่าว หรือระหว่างไล่ล่าพวกเธอ กลับถูกยั่วยวนทีละนิด ท้ายที่สุดก็ตกหลุมรัก ทรยศศาสนจักร ต้องคลุ้มคลั่งอย่างเป็นทุกข์เนื่องจากเกิดความขัดแย้งทางศรัทธา
ดังนั้นแล้ว จากสถานการณ์ปัจจุบัน ควรมีผู้ชำระสองคนคอยตรวจสอบซึ่งกันและกัน
ถึงแม้จินนาจะเป็นเพียง ‘นักลอบสังหาร’ ยังห่างไกลจากนางมารตัวจริงที่เริ่มจากลำดับ ‘สุขสม’ อยู่มาก แต่เรื่องแบบนี้ไม่ควรประมาท โดยเฉพาะกับนักลอบสังหารหญิงที่พบเห็นได้ยาก
หลังจากชมเสร็จ อิมเรเสริม
“ความร่วมมือหมายถึงการได้ประโยชน์ร่วมกัน ทางเราจะมอบผลตอบแทนตามคุณภาพของข้อมูลที่คุณมอบให้ สามารถเลือกได้ว่าต้องการรับเป็นเงิน วัตถุดิบ ความรู้ อาวุธ หรืออย่างอื่น”
จินนาลังเลเล็กน้อยก่อนจะถาม
“เรื่องที่ฉันเล่าให้ฟังเมื่อสักครู่มีค่าตอบแทนไหม?”
“คุณอยากได้อะไร?” อิมเรย้อนถาม
“วัตถุดิบหลักของโอสถ ‘นักกระตุ้น’” จินนาตอบโดยไม่ลังเล
ฟรังก้าให้สูตรโอสถกับเธอมาแล้ว
อิมเรไม่แปลกใจ เพียงพยักหน้าแล้วพูด
“ทางเราขอตรวจสอบความถูกต้องและคุณภาพของข้อมูลนี้ก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน”
“ได้” จินนาไม่ได้หวังมากอยู่แล้ว จึงไม่รู้สึกผิดหวัง
อิมเรหยิบกระดาษขาวแผ่นหนึ่งที่ดูธรรมดาออกมา บนนั้นมีเงื่อนไขสองสามข้อเขียนเอาไว้ ส่วนใหญ่ตรงตามเนื้อหาที่เพิ่งพูดไป
โดยมิได้บังคับว่าจินนาต้องศรัทธาในสุริยันเจิดจรัสตลอดไป เพียงแค่ขอให้เธอไม่ไปศรัทธาเทพมาร
จินนาซึ่งมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว อ่านเงื่อนไขเหล่านั้นซ้ำไปมา เมื่อแน่ใจว่าไม่มีปัญหา จึงเซ็นชื่อจริงของตนลงไปด้วยความเต็มใจ
เธอเห็นอิมเรหยิบปากกาหมึกซึมที่ดูเหมือนทำจากทองคำล้วนออกมา ลงชื่อตัวเองก่อน จากนั้นก็เขียนสองสามคำด้วยสีแดงสดตรงตำแหน่งผู้รับรอง
รัศมีดุจดังดวงอาทิตย์ สาดส่องสัญญาฉบับดังกล่าวชั่วครู่ ก่อนจะจางหายไป
จินนาลาอิมเรและวาเลนไทน์ แล้วเดินต่อไปยังถนนเสื้อนอกขาว
…………
ห้อง 601 บ้านเลขที่ 3 ถนนเสื้อนอกขาว
ลูเมี่ยนเคาะประตูปลุกฟรังก้าแต่เช้าตรู่ เล่าเรื่องมนุษย์หมาป่าให้ฟังอย่างครบถ้วนท่ามกลางสายตาประหนึ่งอยากฆ่าคนของอีกฝ่าย
สมองฟรังก้าเปลี่ยนไปอยู่ในสถานะประมวลผลทันที ไตร่ตรองอยู่สักพักแล้วก็พึมพำกับตัวเอง
“ถ้าอีกฝ่ายจะสืบสวนต่อ พวกที่จะถูกส่งมาต้องเป็น ‘ซอมบี้’ หรือไม่ก็ ‘วิญญาณอาฆาต’ แน่… ฉันเดาว่าเป็นอย่างหลัง”
“หือ?” ลูเมี่ยนฟังแล้วก็ยังงง
ฟรังก้าอธิบายรวบรัด
“มันคือชื่อของลำดับ 6 และ 5 ในเส้นทาง ‘นักโทษ’”
ลูเมี่ยนพูดด้วยความสงสัยปนประหลาดใจ
“คุณรู้จักเส้นทางนี้ดีเลยนะ”
“แน่นอน” ฟรังก้าหัวเราะ “ผู้วิเศษเส้นทางนักโทษทั่วโลกนี้น่ะ ถ้าไม่นับพวกส่วนน้อย โดยมากแล้วสังกัดในสองกลุ่มอำนาจหลัก หนึ่งคือองค์กรก่อการร้ายจากทวีปใต้ที่ฉันเคยพูดถึง — พวกโรงเรียนกุหลาบ… ส่วนอีกกลุ่มคือ…”
กล่าวมาถึงตรงนี้ หญิงสาวเว้นวรรคเล็กน้อย ตั้งใจสร้างอารมณ์ร่วมให้ลูเมี่ยน หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาทีก็พูดต่อ
“ศาสนจักรเดอะฟูล”
……………………………………………..
.
เหมี๊ยวเหมียวไง..จะใครละ
ตายยย
หวังว่าคงไม่ไปเผลอฆ่า
พวกเดียวกันนะ 55555